ชุมพร-ตำรวจทางหลวงชุมพร สกัดจับแก๊งลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเขมร หลังหนุ่มชาวจังหวัดลพบุรี คนขับรถเมายาบ้า ซิ่งรถยนต์กระบะ ฝ่าด่านตรวจ 3 ด่าน ระดมตำรวจไล่ล่ากว่าครึ่งร้อย
เมื่อเวลา 05.30 น.วันนี้ (3 ธ.ค.) ด.ต.ประชุม อัครวงศ์ ผบ.หมู่ หัวหน้าป้อมยาม ตร.ทล.หลังสวน จ.ชุมพร กำลังตั้งด่านตรวจรถทำผิดกฏหมายจราจรบน ถนนสายเอเชีย 41 ช่วงหลัก กม .521 ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ตอนครึ่ง สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บจ-9317 นครนายก ขับมาด้วยความเร็วสูงทางช่องทางขาล่องใต้
เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกขอตรวจสอบ แต่คนขับกลับเร่งเครื่องฝ่าด่านตรวจของตำรวจไปไปทาง อ.ทุ่งตะโก อย่างรวดเร็ว ตำรวจทางหลวงได้ขับรถสายตรวจทางหลวงหมายเลข 2403 และ 2409 ไล่ติดตาม พร้อมวิทยุประสานขอกำลังตำรวจ สภ.ทุ่งตะโก ช่วยสกัดจับ
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวขับมาถึงด่านตรวจสกัดของตำรวจ สภ.ทุ่งตะโก คนขับได้เร่งเครื่องขับพุ่งฝ่าด่านตำรวจไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจต้องกระโจนหลบออกข้างทางกันแทบไม่ทัน จากกนั้นรถยนต์คันดังกล่าวยังได้ขับฝ่าด่านตำรวจในพื้นที่ สภ.หลังสวน และ สภ.ละแม ทำให้ตำรวจทางหลวง และตำรวจ สภ.ต่าง ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงร่วมร้อยนาย กระจายกำลังกันออกไล่ล่าจับกุม
จนพบรถยนต์ที่ขับแหกด่านตำรวจถึง 3 ด่าน คนขับได้เลี้ยวรถในช่องยูเทิร์น ขับย้อนขึ้นมาทางช่องจราจรขาขึ้น แล้วเลี้ยวเข้าไปในถนนซอยบริเวณถนนเอเชีย 41 หลัก กม.579 หมู่ 12 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร แต่ซอยดังกล่าวเป็นซอยตัน ในขณะที่รถยนต์ตำรวจทางหลวง และตำรวจภูธร ได้ขับเข้าไปปิดปากซอย แต่รถคันดังกล่าวคนขับยังไม่ยอมจำนน ได้ถอยรถออกมาพุ่งชนรถตำรวจทางหลวงจนพังเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงระดมยิงยางล้อจนแตกและไม่สามารถขับต่อไปได้
เจ้าหน้าที่จึงกรูเข้าไปควบคุมตัวคนขับ ทราบชื่อ นายบุญกอง สุขจันทร์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 หมู่ 1 ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี สภาพคล้ายคนเมายาบ้า ส่วนบริเวณกระบะหลังมีผ้าตาข่ายสีดำปิดคลุมทับมาอย่างดี เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดดูพบแรงงานชาวเขมรเพศชาย อายุ 18–35 ปี นอนอัดทับกันมาแน่น ส่วนในแค็ปเก๋งรถหลังคนขับ มีหญิงสาวชาวเขมรอายุ 20–45 คน นั่งเบียดกันมา
จากการสอบสวน นายบุญกอง รับสารภาพว่า ได้มีนายหน้าลักลอบนำแรงงานชาวเขมรทั้งหมด มาจากชายแดนไทย–กัมพูชา ด้านภาคตะวันออกโดยชาวเขมร จะเสียค่าหัวให้กับนายหน้ารายละ 10,000 บาท ส่วนตนจะนำรถยนต์ไปรับช่วงรับจ้างขนแรงงานชาวกัมพูชา ที่ลักลอบข้ามแดนเข้ามาแล้วหลบซ่อนในในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อพาไปส่งต่อให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.สุราษฏร์ธานี
โดยรับค่าหัวคิวจากนายหน้าค้าแรงงานต่างด้าวคนละ 5,000 บาท เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุได้เจอด่านตรวจของตำรวจทางหลวง ประกอบกับเสพยาบ้าจำนวน 2 เม็ด จึงเกิดความฮึกเหิมไม่เกรงกลัวใคร ได้ขับรถยนต์พาแรงงานชาวเขมร แหกด่านสกัดของตำรวจถึง 3 ด่าน ไปไกลถึง 60 กม.กระทั่งไปจนมุมในซอยตันและถูกจับกุมได้ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายบุญกองไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดพบเป็นสีม่วง จึงควบคุมตัวส่ง พ.ต.ท.คำสิงห์ ศรียาภัย สารวัตรเวร สภ.หลังสวน ดำเนินคดีข้อหา นำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ต่อสู้ขัดขวาง หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ตามกฎหมายต่อไป.
เมื่อเวลา 05.30 น.วันนี้ (3 ธ.ค.) ด.ต.ประชุม อัครวงศ์ ผบ.หมู่ หัวหน้าป้อมยาม ตร.ทล.หลังสวน จ.ชุมพร กำลังตั้งด่านตรวจรถทำผิดกฏหมายจราจรบน ถนนสายเอเชีย 41 ช่วงหลัก กม .521 ต.วิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ ตอนครึ่ง สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บจ-9317 นครนายก ขับมาด้วยความเร็วสูงทางช่องทางขาล่องใต้
เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกขอตรวจสอบ แต่คนขับกลับเร่งเครื่องฝ่าด่านตรวจของตำรวจไปไปทาง อ.ทุ่งตะโก อย่างรวดเร็ว ตำรวจทางหลวงได้ขับรถสายตรวจทางหลวงหมายเลข 2403 และ 2409 ไล่ติดตาม พร้อมวิทยุประสานขอกำลังตำรวจ สภ.ทุ่งตะโก ช่วยสกัดจับ
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวขับมาถึงด่านตรวจสกัดของตำรวจ สภ.ทุ่งตะโก คนขับได้เร่งเครื่องขับพุ่งฝ่าด่านตำรวจไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจต้องกระโจนหลบออกข้างทางกันแทบไม่ทัน จากกนั้นรถยนต์คันดังกล่าวยังได้ขับฝ่าด่านตำรวจในพื้นที่ สภ.หลังสวน และ สภ.ละแม ทำให้ตำรวจทางหลวง และตำรวจ สภ.ต่าง ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงร่วมร้อยนาย กระจายกำลังกันออกไล่ล่าจับกุม
จนพบรถยนต์ที่ขับแหกด่านตำรวจถึง 3 ด่าน คนขับได้เลี้ยวรถในช่องยูเทิร์น ขับย้อนขึ้นมาทางช่องจราจรขาขึ้น แล้วเลี้ยวเข้าไปในถนนซอยบริเวณถนนเอเชีย 41 หลัก กม.579 หมู่ 12 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร แต่ซอยดังกล่าวเป็นซอยตัน ในขณะที่รถยนต์ตำรวจทางหลวง และตำรวจภูธร ได้ขับเข้าไปปิดปากซอย แต่รถคันดังกล่าวคนขับยังไม่ยอมจำนน ได้ถอยรถออกมาพุ่งชนรถตำรวจทางหลวงจนพังเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงระดมยิงยางล้อจนแตกและไม่สามารถขับต่อไปได้
เจ้าหน้าที่จึงกรูเข้าไปควบคุมตัวคนขับ ทราบชื่อ นายบุญกอง สุขจันทร์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 หมู่ 1 ต.โคกสำโรง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี สภาพคล้ายคนเมายาบ้า ส่วนบริเวณกระบะหลังมีผ้าตาข่ายสีดำปิดคลุมทับมาอย่างดี เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดดูพบแรงงานชาวเขมรเพศชาย อายุ 18–35 ปี นอนอัดทับกันมาแน่น ส่วนในแค็ปเก๋งรถหลังคนขับ มีหญิงสาวชาวเขมรอายุ 20–45 คน นั่งเบียดกันมา
จากการสอบสวน นายบุญกอง รับสารภาพว่า ได้มีนายหน้าลักลอบนำแรงงานชาวเขมรทั้งหมด มาจากชายแดนไทย–กัมพูชา ด้านภาคตะวันออกโดยชาวเขมร จะเสียค่าหัวให้กับนายหน้ารายละ 10,000 บาท ส่วนตนจะนำรถยนต์ไปรับช่วงรับจ้างขนแรงงานชาวกัมพูชา ที่ลักลอบข้ามแดนเข้ามาแล้วหลบซ่อนในในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อพาไปส่งต่อให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.สุราษฏร์ธานี
โดยรับค่าหัวคิวจากนายหน้าค้าแรงงานต่างด้าวคนละ 5,000 บาท เมื่อขับมาถึงที่เกิดเหตุได้เจอด่านตรวจของตำรวจทางหลวง ประกอบกับเสพยาบ้าจำนวน 2 เม็ด จึงเกิดความฮึกเหิมไม่เกรงกลัวใคร ได้ขับรถยนต์พาแรงงานชาวเขมร แหกด่านสกัดของตำรวจถึง 3 ด่าน ไปไกลถึง 60 กม.กระทั่งไปจนมุมในซอยตันและถูกจับกุมได้ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายบุญกองไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดพบเป็นสีม่วง จึงควบคุมตัวส่ง พ.ต.ท.คำสิงห์ ศรียาภัย สารวัตรเวร สภ.หลังสวน ดำเนินคดีข้อหา นำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ต่อสู้ขัดขวาง หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ตามกฎหมายต่อไป.