นครศรีธรรมราช - "อบต.โพธิ์เสด็จ" เจอดีศาลปกครองนครศรีธรรมราช สั่งเพิกถอนใบอนุญาต อบต.ชี้พิจารณาทำชาวบ้านเดือดร้อนขัด กม.- ปล่อยฟาร์มไก่เนื้อประชิดชาวบ้านทำเหม็นหึ่ง บังคับนายก อบต.ปฏิบัติตาม กม.แก้ปัญหาชาวบ้าน
วันนี้ (5 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองนครศรีธรรมราช ได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 29/2551 คดีหมายเลขแดงที่ 221/2552 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ในคดีระหว่างผู้ฟ้องคดี คือ นายเสรี สายพงษ์พรรณ ผู้ฟ้องที่ 1 นางสุจิตรา สายพงษ์พรรณ ผู้ฟ้องที่ 2 อยู่บ้านเลขที่ 110/1 ม.3 ต.โพธิ์เสด็จ และนายสนอง ชัยสงเคราะห์ ผู้ฟ้องที่ 3 อยู่ 110/12 ได้ยื่นฟ้อง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีนายเจียร โกกิฬา เป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงไก่ อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.3 ต.โพธิ์เสด็จ เป็นผู้ร้องสอด
ตามบรรยายฟ้องระบุว่านายเจียร โกกิฬา ได้ก่อสร้างโรงเลี้ยงไก่ห่างจากบ้านของผู้ฟ้องเพียง 5 เมตร โดยมีจำนวนไก่ที่เลี้ยงไว้ในโรงเลี้ยงสูงถึงราวรุ่นละ 2,500 ตัว ได้ก่อความรำคาญส่งกลิ่นเหม็นรบกวนตลอดเวลา โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เป็นเวลายาวนานต่อเนื่อง โดยนายกอบต.โพธิ์เสด็จในฐานะผู้ถูกฟ้องได้มีคำสั่งที่ 286/2550 ลงวันที่ 6 พ.ย.2550 แจ้งให้นายเจียรผู้ร้องสอดหยุดการเลี้ยงไก่ แต่ปรากฏว่านายเจียรยังคงประกอบการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
ซึ่งนายก อบต.โพธิ์เสด็จ ผู้ถูกฟ้องไม่ดำเนินการอื่นตามอำนาจหน้าที่ยังปรากฏว่ายังได้ออกใบอนุญาตให้ผู้ร้องสอด(นายเจียร)ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประเภทการเลี้ยงไก่ ตามใบอนุญาตเล่มที่ 03 เลขที่ 01/2551 จึงมีการฟ้องต่อศาลปกครองให้มีคำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
และในคดีนี้ศาลปกครองนครศรีธรรมราช ได้แสวงหาข้อเท็จจริงจากคำฟ้องและคำเบิกความของคู่กรณี จนได้กำหนดประเด็นในการวินิจฉัยว่า การที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์เสด็จ ผู้ถูกฟ้องคดีออกหนังอนุญาตให้นายเจียรประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตามข้อบัญญัติ อบต.โพธิ์เสด็จ เรื่องควบคุมกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ.2548 เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเมื่อพิเคราะห์ข้อเท็จจริงพบว่า นายเจียรไม่สามารถแก้ไขเหตุเดือดร้อนรำคาญที่เกิดขึ้นให้หมดสินไป ขณะที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติเพื่อขจัดเหตุเดือดร้อนรำคาญดังกล่าวแต่อย่างใด
ศาลปกครองนครศรีธรรมราช จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้นายเจียรประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เลขที่ 01 ปี 2552 ลงวันที่ 16 มกราคม 2552 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาและหากนายเจียรยังมีการเลี้ยงไก่ที่ก่อให้เกิดมลภาวะกระทบต่อเพื่อนบ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาตตามข้อบัญญัติของ อบต.ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์เสด็จ ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตาม พรบ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ภายใน 30 วัน
ในช่วงท้ายตุลาการศาลปกครองนครศรีธรรมราช ยังชี้ให้เห็นกรณีนี้ว่า "แม้บุคคลทั่วไปจะมีสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพก็ตาม แต่การใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าวนั้นต้องไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้อื่น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตได้ และที่สำคัญหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องบังคับดูแลการใช้สิทธิเสรีภาพของบุคคลให้เป็นไปตามกฎหมายและไม่เป็นการละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น"
วันนี้ (5 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองนครศรีธรรมราช ได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 29/2551 คดีหมายเลขแดงที่ 221/2552 ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ในคดีระหว่างผู้ฟ้องคดี คือ นายเสรี สายพงษ์พรรณ ผู้ฟ้องที่ 1 นางสุจิตรา สายพงษ์พรรณ ผู้ฟ้องที่ 2 อยู่บ้านเลขที่ 110/1 ม.3 ต.โพธิ์เสด็จ และนายสนอง ชัยสงเคราะห์ ผู้ฟ้องที่ 3 อยู่ 110/12 ได้ยื่นฟ้อง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีนายเจียร โกกิฬา เป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงไก่ อยู่บ้านเลขที่ 15 ม.3 ต.โพธิ์เสด็จ เป็นผู้ร้องสอด
ตามบรรยายฟ้องระบุว่านายเจียร โกกิฬา ได้ก่อสร้างโรงเลี้ยงไก่ห่างจากบ้านของผู้ฟ้องเพียง 5 เมตร โดยมีจำนวนไก่ที่เลี้ยงไว้ในโรงเลี้ยงสูงถึงราวรุ่นละ 2,500 ตัว ได้ก่อความรำคาญส่งกลิ่นเหม็นรบกวนตลอดเวลา โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เป็นเวลายาวนานต่อเนื่อง โดยนายกอบต.โพธิ์เสด็จในฐานะผู้ถูกฟ้องได้มีคำสั่งที่ 286/2550 ลงวันที่ 6 พ.ย.2550 แจ้งให้นายเจียรผู้ร้องสอดหยุดการเลี้ยงไก่ แต่ปรากฏว่านายเจียรยังคงประกอบการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
ซึ่งนายก อบต.โพธิ์เสด็จ ผู้ถูกฟ้องไม่ดำเนินการอื่นตามอำนาจหน้าที่ยังปรากฏว่ายังได้ออกใบอนุญาตให้ผู้ร้องสอด(นายเจียร)ประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประเภทการเลี้ยงไก่ ตามใบอนุญาตเล่มที่ 03 เลขที่ 01/2551 จึงมีการฟ้องต่อศาลปกครองให้มีคำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
และในคดีนี้ศาลปกครองนครศรีธรรมราช ได้แสวงหาข้อเท็จจริงจากคำฟ้องและคำเบิกความของคู่กรณี จนได้กำหนดประเด็นในการวินิจฉัยว่า การที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์เสด็จ ผู้ถูกฟ้องคดีออกหนังอนุญาตให้นายเจียรประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตามข้อบัญญัติ อบต.โพธิ์เสด็จ เรื่องควบคุมกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ.2548 เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเมื่อพิเคราะห์ข้อเท็จจริงพบว่า นายเจียรไม่สามารถแก้ไขเหตุเดือดร้อนรำคาญที่เกิดขึ้นให้หมดสินไป ขณะที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติเพื่อขจัดเหตุเดือดร้อนรำคาญดังกล่าวแต่อย่างใด
ศาลปกครองนครศรีธรรมราช จึงมีคำพิพากษาเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้นายเจียรประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เลขที่ 01 ปี 2552 ลงวันที่ 16 มกราคม 2552 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาและหากนายเจียรยังมีการเลี้ยงไก่ที่ก่อให้เกิดมลภาวะกระทบต่อเพื่อนบ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาตตามข้อบัญญัติของ อบต.ให้นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์เสด็จ ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตาม พรบ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 ภายใน 30 วัน
ในช่วงท้ายตุลาการศาลปกครองนครศรีธรรมราช ยังชี้ให้เห็นกรณีนี้ว่า "แม้บุคคลทั่วไปจะมีสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพก็ตาม แต่การใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าวนั้นต้องไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้อื่น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตได้ และที่สำคัญหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องบังคับดูแลการใช้สิทธิเสรีภาพของบุคคลให้เป็นไปตามกฎหมายและไม่เป็นการละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น"