ชาวเบตงนำรถไปลงทะเบียนตรวจสอบบุคคลคึกคัก

ยะลา - ประชาชนสนใจนำรถไปลงทะเบียนตรวจสอบข้อมูลบุคคลและยานพาหนะอย่างต่อเนื่อง เพื่อความสะดวกในการผ่านจุดตรวจ ด่านตรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข่าวรถที่ลงทะเบียนติดสติกเกอร์ถูกทำลาย

วันนี้ (5 ม.ค.) ที่ศาลาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เบตง จ.ยะลา ประชาชนในพื้นที่ อ.เบตง ต่างนำรถไปลงทะเบียน เพื่อตรวจสอบข้อมูลบุคคลและยานพาหนะแล้วกว่า 4 หมื่นคัน ในขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข่าวรถที่ลงทะเบียนติดสติกเกอร์ถูกทำลาย

พ.ท.วิรัช วทัญญู ผบ.ฉก.ยะลา 16 กล่าวว่า นับตั้งแต่เปิดให้ลงทะเบียนบุคคลและยานพาหนะตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2552 จนถึงวันที่ 5 มกราคม 2553 มีประชาชนมาลงทะเบียนรถมากกว่าที่คาดไว้ ล่าสุดมีผู้มาลงทะเบียนแล้วกว่า 4 หมื่นคัน ส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ โดยประชาชนยังมาลงทะเบียนได้ที่หน่วยเฉพาะกิจใกล้บ้าน หรือจุดที่เจ้าหน้าที่นัดหมายจนถึงปลายเดือนมกราคม 2553 นี้

สำหรับการลงทะเบียนตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะ ผู้ลงทะเบียนจะได้รับสติกเกอร์ไปติดไว้ที่รถ เพื่อความสะดวกในการผ่านจุดตรวจ ด่านตรวจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเจ้าหน้าที่จะมีเครื่องบาร์โคดใช้ในการตรวจสอบ

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ากลุ่มก่อความไม่สงบมีความพยายามที่จะทำลายรถที่ติดสติกเกอร์นั้น หากเป็นจริงถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่จะไปมุ่งร้ายกับประชาชนที่นำรถมาติดสติกเกอร์ เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดให้ประชาชนมาลงทะเบียนยังไม่ได้รับรายงานว่ามีรถที่มาลงทะเบียนถูกทำลาย

แต่อย่างไรก็ดี ขณะนี้ได้ประสานชุดการข่าวด้านความมั่นคงเร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริงของข่าวดังกล่าวแล้ว และขอแนะนำให้ประชาชนที่ได้เดินทางมาลงทะเบียนไม่ต้องหวาดกลัวกับข่าวลือดังกล่าว ส่วนประชาชนที่ได้รับสติกเกอร์แล้วควรนำไปเคลือบแข็ง เพื่อป้องกันการชำรุด แล้วนำไปติดไว้ด้านหน้ารถเพื่อพร้อมที่จะแสดงให้เจ้าหน้าที่.เห็นเมื่อขอตรวจสอบตามจุดตรวจต่างๆ

ด้าน นายรุสดี ดามาอู ประชาชนที่นำรถยนต์กระบะมาลงทะเบียน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบพาหนะที่ผ่านด่านตรวจที่ปัจจุบันมีหลายด่านในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะได้รับความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่เห็นสติกเกอร์ตรงกับป้ายรถและบัตรประชาชนผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่สามารถที่จะเก็บภาพ และทำการตรวจยสอบประวัติบุคคลที่อาศัยอยู่จริงในแต่ละพื้นที่ได้หลายจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสามารถควบคุมระเบิดรถยนต์ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น