ชุมพร - กำลังผสมหลายหน่วยงานขึ้นบินสำรวจ ตรวจพื้นที่ป่าเขตอนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร แนวชายแดนไทย-พม่า ด้านจังหวัดชุมพร พบถูกนายทุนลักลอบแปรรูปไม้เถื่อนเพิ่มเติมอีกกว่า 30 จุด เนื้อที่ 229 ไร่ เผยพบฝูงนกเงือกจำนวนมาก หวั่นสูญพันธุ์หรืออพยพย้ายถิ่นไปประเทศเพื่อนบ้าน หากสภาพป่าเสื่อมโทรม
วันนี้ (10 ธ.ค.) นายอรรพล เจริญชันษา ผอ.ส่วนยุทธการป้องกัน และปราบปราม สำนักป้องกันปราบปราม และควบคุมไฟป่า พร้อมด้วย นายธีรพัฒน์ พุทธชู เจ้าพนักงานอาวุโส ชุดปฏิบัติการตามแผนปฏิบัติการคุ้มครองพื้นที่ป่าอนุรักษ์ (กรณีพิเศษ) ท้องที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี และนายสุวิมล พัฒนราช หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 หน่วยเคลื่อนที่เร็วการป้องกันรักษาป่าภาคใต้ และกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งขึ้นเครื่องเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจตรวจสอบพื้นที่ป่าในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ซึ่งเป็นผืนป่าใหญ่ที่สุดของ จ.ชุมพร มีเนื้อที่กว่า 230,000 ไร่ โดยที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้อง ได้สนธิกำลังเข้าทำการปราบปราม จับกุม และตรวจยึดพื้นที่ป่าถูกบุกรุกไปกว่า 20,000 ไร่ และพบมีการลักลอบแปรรูปไม้ออกจำหน่ายให้นายทุนเป็นจำนวนมาก
จากการบินสำรวจบริเวณแนวชายแดนไทย-พม่า บ้านช่องคะมิ้ว ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร อยู่ในพื้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรด้านทิศเหนือ ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่พบมีพื้นที่ถูกบุกรุกใหม่เพิ่มขึ้นหลายจุด และยังพบมีการลักลอบตัดไม้ขนาดใหญ่อีกหลายจุดด้วยเช่นกัน พร้อมกับไม้แผ่นแปรรูปแล้วกองอยู่จำนวนมาก และยังพบมีการสร้างที่พักอาศัย และเก็บเสบียงขึ้นมาใหม่ของแรงงานที่เข้าไปรับจ้างแปรรูปไม้ส่งขายให้กับนายทุนด้วย
นอกจากนั้น จากการบินสำรวจของยังพบว่าผืนป่าบริเวณแนวชายแดนไทย-พม่า เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ ยังเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ และมีไม้ใหญ่ขึ้นอยู่หนาทึบจำนวนมาก และระหว่างการบินสำรวจ พบมีฝูงนกเงือกบินอยู่ทั่วผืนป่าจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่วิตกว่าหากไม่ดำเนินการกับกลุ่มผู้บุกรุกอย่างจริงจัง และเด็ดขาด
อาจทำให้ฝูงนกเงือกที่มีอยู่จำนวนมากอาจจะสูญพันธุ์ หรืออพยพย้ายถิ่นข้ามไปอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจนหมด ขณะที่จาการบินสำรวจยังพบกลุ่มนายทุนใช้วิธีการจ้างแรงงานเข้าไปลักลอบบุกรุกแผ้วถาง และตัดไม้แปรรูป ในลักษณะเหมือน “เจาะไข่แดง” กระจายอยู่ตามจุดพื้นที่ต่างๆ จนยากแก่การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
นายธีรพัฒน์ พุทธชู เจ้าพนักงานอาวุโส ชุดปฎิบัติการตามแผนปฎิบัติการคุ้มครองพื้นที่ป่าอนุรักษ์ (กรณีพิเศษ)ท้องที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร และ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังการบินตรวจสอบทางอากาศพบพื้นที่มีการบุกรุก และลักลอบแปรรูปไม้
ได้ประสานสั่งการให้กำลังจากภาคพื้นดินบุกเข้าควบคุมพื้นที่เป้าหมายตามพิกัดที่สำรวจพบ ซึ่งมีพื้นที่บุกรุกป่าแห่งใหม่เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 34 จุด รวมเนื้อที่ 229 ไร่ และพบมีการลักลอบตัดไม้อีก 2 จุด พร้อมตรวจยึดของกลางไม้แปรรูปจำนวนมาก จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย และไหวตัวหลบหนีไปได้หลายราย โดยจะทำหน้าที่ตามแผนปฎิบัติการคุ้มครองพื้นที่ป่าอนุรักษ์กรณีพิเศษในพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป
