นครศรีธรรมราช – สารวัตรนักเรียนบุกทลายร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ส.เจริญยนต์ เลขที่ 944/1 ถ.พะเนียด ต.คลัง รวบตัว นักศึกษาชั้น ปวช.รวม 10 คนจากสถาบันการศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งและเจ้าของร้าน 1 ราย ข้อหาข้อหาร่วมกันครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (น้ำต้มกระท่อม) โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันครอบครองยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต
วันนี้ ( 8 ธ.ค. ) พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งว่ามีกลุ่มวัยรุ่นนักเรียนนักศึกษาจำนวนมากเข้าไปมั่วสุมเสพยาเสพติดในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ส.เจริญยนต์ เลขที่ 944/1 ถ.พะเนียด ต.คลัง หลังจากนั้นจึงพร้อมด้วยนายสมพงศ์ อยู่เถาว์ หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนนักศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 เจ้าหน้าที่สายตรวจจักรยานยนต์เข้าทำการตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบว่ามีเจ้าของร้านทราบชื่อคือนายวิโชค กาญจนวิวินต์ อายุ 22 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน อยู่ในอาการพิรุธ ในขณะเดียวกันบนชั้นสองของร้านดังกล่าวมีเสียงผิดปกติคล้ายพยายามเก็บกวาดสิ่งของ เจ้าหน้าที่จึงใช้อำนาจเจ้าหนักงาน ปปส. เข้าทำการตรวจสอบทันที
เมื่อขึ้นไปบนชั้นสองพบว่ามีนักศึกษาชั้น ปวช.รวม 10 คนอายุระหว่าง 16-18 ปีจากสถาบันการศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งทั้งหญิงและชายอยู่ในสภาพหน้าซีดเผือดเจ้าหน้าที่จึงสั่งให้อยู่ในความสงบและพบว่าบนลานมีหม้อต้มกระท่อมพร้อมน้ำกระท่อม กระท่อมสด ยาแก้ไอ กระติกน้ำแข็ง
เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดและตรวจค้นเพิ่มเติมรายตัวบุคคลพบอาวุธปืนปากกาชนิดลูกซองประดิษด้วยแป๊บเหล็ก 3 กระบอก ปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12- 6 นัด ยาบ้า 12 เม็ด กัญชาจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยบ้องกัญชาและอุปกรณ์การเสพยาบ้าจึงทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานดำเนินคดีทั้งหมด
หลังจากสอบสวนในเบื้องต้นต่างปฏิเสธว่า อาวุธปืนและยาเสพติดไม่ใช่ของตนเอง ขณะที่จากการสืบสวนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่านายวิโชค เป็นวัยรุ่นที่เปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์และดัดแปลงสภาพตามวัยรุ่นต้องการ ส่วนชั้นสองนั้นได้เปิดให้เป็นแหล่งมั่วสุ่มของกลุ่มลูกค้าและสมาชิกในก๊วนส์ มีทั้งยาเสพติดประเภทน้ำต้มกระท่อม ยาบ้า และกัญชาไว้บริการ จนกระทั่งมีคนแจ้งว่ามีกลุ่มวัยรุ่นเข้ามั่วสุมจำนวนมากจึงเป็นโอกาสของเจ้าหน้าที่เข้าทลายก๊วนส์จนกระเจิงดังกล่าว
หลังจากการสอบสวนทั้งหมด ไม่มีใครยอมรับเป็นเจ้าของเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหากับกลุ่มนักศึกษาทั้ง 10 คนและเจ้าของร้านอีก 1 คนรวม 11 คนในข้อหาร่วมกันครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (น้ำต้มกระท่อม) โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันครอบครองยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ ( 8 ธ.ค. ) พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งว่ามีกลุ่มวัยรุ่นนักเรียนนักศึกษาจำนวนมากเข้าไปมั่วสุมเสพยาเสพติดในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ส.เจริญยนต์ เลขที่ 944/1 ถ.พะเนียด ต.คลัง หลังจากนั้นจึงพร้อมด้วยนายสมพงศ์ อยู่เถาว์ หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนนักศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 เจ้าหน้าที่สายตรวจจักรยานยนต์เข้าทำการตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบว่ามีเจ้าของร้านทราบชื่อคือนายวิโชค กาญจนวิวินต์ อายุ 22 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน อยู่ในอาการพิรุธ ในขณะเดียวกันบนชั้นสองของร้านดังกล่าวมีเสียงผิดปกติคล้ายพยายามเก็บกวาดสิ่งของ เจ้าหน้าที่จึงใช้อำนาจเจ้าหนักงาน ปปส. เข้าทำการตรวจสอบทันที
เมื่อขึ้นไปบนชั้นสองพบว่ามีนักศึกษาชั้น ปวช.รวม 10 คนอายุระหว่าง 16-18 ปีจากสถาบันการศึกษาชื่อดังแห่งหนึ่งทั้งหญิงและชายอยู่ในสภาพหน้าซีดเผือดเจ้าหน้าที่จึงสั่งให้อยู่ในความสงบและพบว่าบนลานมีหม้อต้มกระท่อมพร้อมน้ำกระท่อม กระท่อมสด ยาแก้ไอ กระติกน้ำแข็ง
เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดและตรวจค้นเพิ่มเติมรายตัวบุคคลพบอาวุธปืนปากกาชนิดลูกซองประดิษด้วยแป๊บเหล็ก 3 กระบอก ปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12- 6 นัด ยาบ้า 12 เม็ด กัญชาจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยบ้องกัญชาและอุปกรณ์การเสพยาบ้าจึงทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานดำเนินคดีทั้งหมด
หลังจากสอบสวนในเบื้องต้นต่างปฏิเสธว่า อาวุธปืนและยาเสพติดไม่ใช่ของตนเอง ขณะที่จากการสืบสวนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่านายวิโชค เป็นวัยรุ่นที่เปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์และดัดแปลงสภาพตามวัยรุ่นต้องการ ส่วนชั้นสองนั้นได้เปิดให้เป็นแหล่งมั่วสุ่มของกลุ่มลูกค้าและสมาชิกในก๊วนส์ มีทั้งยาเสพติดประเภทน้ำต้มกระท่อม ยาบ้า และกัญชาไว้บริการ จนกระทั่งมีคนแจ้งว่ามีกลุ่มวัยรุ่นเข้ามั่วสุมจำนวนมากจึงเป็นโอกาสของเจ้าหน้าที่เข้าทลายก๊วนส์จนกระเจิงดังกล่าว
หลังจากการสอบสวนทั้งหมด ไม่มีใครยอมรับเป็นเจ้าของเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหากับกลุ่มนักศึกษาทั้ง 10 คนและเจ้าของร้านอีก 1 คนรวม 11 คนในข้อหาร่วมกันครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (น้ำต้มกระท่อม) โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันครอบครองยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป