ตรังเลิกประมูลอากรรังนกจากอี-อ็อกชัน มาเป็นระบบปกติ

ตรัง - จังหวัดตรังประกาศปรับการประมูลอากรรังนกอีแอ่น ด้วยระบบอีอ็อกชั่น มาเป็นการประมูลราคาในระบบปกติ หลังประกาศมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ไม่ได้ผู้รับสัมปทาน

วันนี้ (4 ธ.ค.) ณ ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดตรัง นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นจังหวัดตรัง เพื่อพิจารณาแก้ปัญหา กรณีที่จังหวัดยังหาผู้รับสัมปทานจัดเก็บอากรรังนกอีแอ่นรายใหม่ในพื้นที่ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ผู้รับสัมปทานรายเก่าหมดสัญญาการจัดเก็บตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2552 โดยจังหวัดได้แบ่งสัญญาการจัดเก็บออกเป็น 2 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาจัดเก็บในท้องที่อำเภอปะเหลียน และสัญญาจัดเก็บในท้องที่อำเภอกันตังและสิเการวมกัน

ทั้งนี้ จังหวัดตรังได้มีการประกาศประมูลราคาด้วยระบบอีอ็อกชั่นมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง มีการปรับลดราคากลางลงจำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกสัญญาจัดเก็บท้องที่อำเภอปะเหลียน ตั้งไว้ 90 ล้านบาท (เปิดรับเอกสารประมูลราคา 2 ครั้ง) , 72 ล้านบาท (ลดลงมา 20%) และเหลือ 63 ล้านบาท (ลดลงมา 30%) ตามลำดับ สัญญาจัดเก็บท้องที่อำเภอกันตังและอำเภอสิเการวมกัน ครั้งแรกตั้งไว้ 16 ล้านบาท (เปิดรับเอกสารประมูลราคา 2 ครั้ง), 12.8 ล้านบาท (ลดลงมา 20%) และ 11.2 ล้านบาท (ลดลงมา 30 %) ตามลำดับ

ผลการประชุมในครั้งนี้คณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บฯ เห็นว่า ที่ผ่านมาจังหวัดได้พยายามดำเนินการเปิดประมูลราคาด้วยระบบอีอ็อกชั่นมาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ยังไม่ได้ผู้รับสัมปทานรายใหม่ โดยวิเคราะห์ว่า สาเหตุคงเกิดจากที่ผู้ประกอบการเห็นว่า ราคากลางสูงเกินไป และการประมูลด้วยระบบอีอ็อกชั่น ทำให้ผู้ประกอบการเสียผลประโยชน์กลัวจะต้องสูญเสียเงินประกันการประมูลไปโดยสิ้นเปล่า

ในที่ประชุมจึงเห็นพ้องกันว่า สมควรจะเปิดประมูลราคาด้วยวิธีปกติ และคงไว้ที่ราคากลางเดิม โดยเชื่อว่าจะต้องมีผู้สนใจเข้ายื่นเอกสารประมูลราคาอย่างแน่นอน เนื่องจากลดขั้นตอนปฏิบัติ อีกทั้งยังสามารถพิจารณาคุณสมบัติ และราคาได้ในวันเดียวกัน ตลอดจนลดความเสี่ยงในการถูกริบหลักประกันซอง เพราะจะกระทำได้ ต่อเมื่อผู้ที่ได้เสนอราคาสูงสุงสุดแล้วไม่มาทำสัญญาเท่านั้น

นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า การดำเนินการทุกอย่างของทางจังหวัดตรัง ตนเองยึดหลัก 4 ประการ คือ รักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, พิทักษ์ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้ยั่งยืน, โปร่งใส เป็นธรรม ตรงไปตรงมา และชี้แจงได้, ประชาสัมพันธ์อย่างเปิดกว้าง และแข่งขันกันอย่างเสรี พร้อมกำชับให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บฯ รายงานไปยังกระทรวงมหาดไทยได้รับทราบทุกขั้นตอน