xs
xsm
sm
md
lg

“จีนเป็ง” อดีตคอมมิวนิสต์มลายาหอบสังขารขอมาเลย์อนุญาตกลับบ้านเกิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - จีนเป็ง อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มาเลเซีย ในวัย 85 ปี ใช้โรงแรมในหาดใหญ่เปิดแถลงข่าวสื่อนอกวอนขอความเห็นใจให้ทางการมาเลเซียอนุญาตกลับเข้าประเทศ เพื่อกราบศพพ่อแม่ หลังลงนามยุติและสงบศึกสลายตัวคอมมิวนิสต์มาลายา ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2532โดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นพยาน

จากกรณีที่ นายหวังเหวิน หัว หรือ “จีน เป็ง” อายุ 85 ปี อดีตเลขาธิการพรรค คอมมิวนิสต์มาเลเซียยื่นคำร้องต่อศาลมาเลเซียขอให้ประกาศสถานะการเป็นพลเมืองมาเลเซีย และให้เขากลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิด(มาเลเซีย)ดังเดิม และถูกศาลสูงของมาเลเซีย และศาลอุทธรณ์ของมาเลเซียวินิจฉัยยืนยันตามคำวินิจฉัยของศาลสูงที่ขอให้ จีน เป็งแสดงหลักฐานใบสูติบัตรและหลักฐานการเป็นพลเมืองมาเลเซียต่อศาล ซึ่งจะทำให้ศาลสามารถดำเนินการตามคำร้องขอได้

รวมถึงจะทำให้อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มาเลเซีย(PKM) รายอื่นๆ มีสิทธิอาศัยอยู่ในมาเลเซียได้ด้วย ภายใต้สัญญาสงบศึกระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์มลายากับรัฐบาลมาเลเซีย และพรรคคอมมิวนิสต์มาลายากับกองทัพภาคที่ 4 เมื่อ 2 ธันวาคม 1989/2532) ที่โรงแรมลีการ์เด้นท์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ร่วมเป็นพยานด้วย แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งเรื่องดังกล่าวอยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนมาเลเซียโดยเฉพาะที่เป็นสื่อภาษาจีนต่างติดตามอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 27 พ.ย. เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ห้องประชุมสมิหลา โรงแรม เจ.บี. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา “จีนเป็ง”พร้อมด้วย นายเหลียงลี่ ซึ ทนายความ ได้เปิดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนมาเลเซียประมาณ 30 คน เป็นคนจีนทั้งหมดที่สนใจในตัว “จีนเป็ง” ถึงวัตถุประสงค์ที่ยังอยากจะกลับเข้าไปในประเทศมาเลเซีย

จีน เป็งได้กล่าวว่า ที่เปิดแถลงข่าวในวันนี้เพื่อฝากผ่านไปยังรัฐบาลมาเลเซียขอให้รักษาสัญญาที่เคยทำกันไว้เมื่อ20 ปี ก่อน ที่จะอนุญาตให้ตนกลับไปที่มาเลเซีย ซึ่งหลังจากทำสัญญาสงบศึกตนเองก็พยายามที่จะยื่นเรื่องขอกลับมาเลเซียมาตลอด จนอายุ 85 ปี แล้วบิดา มารดา พี่น้อง บางคนก็ตายไปแล้ว จึงอยากจะแสดงความกตัญญูไปกราบไหว้ศพบรรพบุรุษบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่รัฐบาลมาเลเซียยังไม่ให้กลับมาเลเซียถือว่าเป็นการถูกหักหลังหรือไม่ จีนเป็ง กล่าวว่า ไม่ถือว่าถูกหลอกหรือถูกหักหลัง เพราะตนเองก็ต้องต่อสู้ตามสัญญาที่ทำแก่กันไว้และจะทำต่อไปเรื่อย ๆ

ส่วนในเดือน ธ.ค. นี้ ที่นายราชา นาจิบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียจะมาเมืองไทยนั้น หากทางนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเปิดโอกาสให้ ตนเองก็อยากจะเข้าพบเหมือนกัน เพราะขณะนี้ยังกลับมาเลเซียไม่ได้ก็รู้สึกเสียใจนิดหน่อย แต่ที่เสียใจมากก็คือไม่ได้ไปกราบศพพ่อแม่ หากแม้ว่าได้กลับไปมาเลเซียแล้ว ตนเองเห็นว่าไม่มีอะไรที่น่าจะอยู่ก็จะกลับมาเมืองไทยอีก และหากว่าทางมาเลเซียต้องการให้ตนเองกลับไปแบบเงียบ ๆ ไม่ต้องเป็นข่าวตนเองก็จะยอม

ในส่วนที่มีการกล่าวหาว่า จีน เป็ง ในอดีตเป็นคนฆ่าชาวมุสลิมนั้น ตนยืนยันว่าไม่ถือว่าเป็นการฆ่าเพราะเป็นเรื่องของการทหาร ไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปสั่งฆ่าคนไม่ใช่ การกล่าวหาต้องมีหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าถ้ารัฐบาลมาเลเซียจะให้กล่าวขอโทษที่มีการฆ่ากันในอดีต จีนเป็ง ตอบว่าปฎิเสธ เพราะไม่ได้ทำ และสุดท้ายที่ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าจะพูดเป็นภาษาภาษามาเลเซียจะพูดคำว่าอะไรจีนเป็ง ตอบว่า “ซารามัท ติงก้า” แปลว่ามีให้อยู่ดีมีสุข

ทั้งนี้ หลังการแถลงข่าวสื่อมวลชนมาเลเซียต่างกรูเข้าไปขอจับมือและถ่ายภาพกับจีนเป็ง กันเป็นการใหญ่ สำหรับจีนเป็งนั้นอดีตเป็นเลขาธิการพรรค คอมมิวนิสต์มาลายา ได้มีการต่อสู้กับทางการประเทศเพื่อนบ้านมายาวนาน โดยมีการเกิดการปะทะกันระหว่างคอมมิวนิสต์มาลายา ในขณะนั้นกับกองกำลังของประเทศเพื่อนบ้าน(มาเลเซีย)และคอมมิวนิสต์มาลายา มีการหลบหนีเข้ามากบดานในเขตรอยต่อระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย ในสมัยนั้นทางการประเทศไทยก็มีการปราบปรามคอมมิวนิสต์อย่างหนักเช่นกัน

จนกระทั่งกองทัพภาคที่ 4 ได้มีการลงนามยุติและสงบศึกกันโดย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นพยานด้วย จึงทำให้คอมมิวนิสต์มาลายา สลายตัวตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2532 มาจนบัดนี้ และทางภาคใต้ก็ไม่มีคอมมิวนิสต์มาลายาก่อเหตุอีกเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น