ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ลงพื้นที่ด่วนตามความคืบฆ่าเผาคารถพื้นที่ฉลองภูเก็ต เบื้องต้นคาดเป็นชาวญี่ปุ่น
จากกรณี วันนี้ (25 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ที่บริเวณซอยกลุ่มยาง ม.7 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งได้รับความเสียหายทั้งคันและภายในรถพบศพผู้เสียชีวิต 1 คน จากการตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าว เป็นรถยนต์ยี่ห้อด้า รุ่นซีวิค ไม่ทราบสี หมายเลขทะเบียน ที่เบาะนั่งด้านข้างคนขับมีการปรับเอนเบาะนอนลงเกือบราบไปกับพื้น บนเบาะพบศพถูกเพลิงเผาไหม้วอด จนเหลือแค่โครงกระดูกไม่สามารถที่จะระบุเพศ อายุ หรือสัญชาติได้ สภาพกะโหลกศีรษะวางอยู่บนที่เกียร์ ส่วนลำตัวที่เหลือแค่โครงกระดูสันหลังตกอยู่ที่เบาะและท่อนขาวางอยู่ระหว่างเบาะคนขับ
ล่าสุด พลตำรวจโท พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พลตำรวจตรีพิกัด ตันติพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบสภาพรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า ซีวิค สีดำคันที่เกิดเหตุ โดยนำตัวเลขเครื่องยนต์ไปตรวจสอบจนพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถป้าย ทะเบียน กจ 333 ภูเก็ต
จากการสืบสวนทราบว่าเป็นรถของ นางสาวทับทิม แซ่หัก อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/376 หมู่ 4 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต เจ้าของทับทิมคาร์แคร์ ในพื้นที่ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวมาสอบสวนในเบื้องต้นพร้อมกับไป จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของเจ้าของรถคันที่เกิดเหตุ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง
โดย พลตำรวจโท พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวภายหลังการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและข้อมูลจากเจ้าของรถ ว่า สำหรับการสังหารเหยื่อรายนี้ในเบื้องต้นตำรวจตั้งประเด็นการสังหารไว้ 2-3 ประเด็น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายะเอียดได้ และขณะนี้ได้เรียกพยานในที่เกิดเหตุไปให้ปากคำแล้ว ส่วนรถคันดังกล่าวนั้นจากการสอบถามนางสาวทับทิม เจ้าของรถแจ้งว่าเป็นรถของตัวเองแต่ให้ สามีชาวญี่ปุ่น เป็นคนใช้ และไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่จะพยายามติดตามตัวมาสอบสวนว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่
ส่วนผู้เสียชีวิตในเบื้องต้นสันนิษฐานว่า จะน่าเป็นชาวญี่ปุ่น แต่เพื่อความชัดเจนต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ เศษกระดูกที่พบในที่เกิดเหตุกับญาติผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสืบสวนสอบสวนให้เร็วที่สุดเพื่อให้ทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครและจะต้องติดตามจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางสมาคมชาวญี่ปุ่นในจังหวัดภูเก็ตและสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด