ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ล่าสุด สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 16 อำเภอของ จ.สงขลา เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ โดยได้รับความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา ได้ประกาศภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินต่อไปอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อเฝ้าระวังฝนตกอีกระรอก หลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่าจะมีฝนตกอีก 2-3 วันนี้
วันนี้ (24 พ.ย.) สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ทั้ง 16 อำเภอของ จ.สงขลา ล่าสุด สถานการณ์โดยรวมเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แม้จะยังคงมีภาวะน้ำท่วมขังอยู่ในพื้นที่ 12 อำเภอ โดยทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สงขลา สรุปความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมกว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีประชาชนเดือดร้อนกว่า 1 แสน 6 หมื่นคน กว่า 5 หมื่นครอบครัว จำเป็นต้องอพยพ 1,349 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยมูลค่าของความเสียหายทั้งบ้านเรือน ปศุสัตว์ และโครงสร้างพื้นฐานกว่า 60 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์จะคลี่คลายแต่ก็ยังคงประกาศให้พื้นที่ทั้ง 16 อำเภอของ จ.สงขลา เป็นเขตภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินต่อไปอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากในระยะ 2-3 วันนี้ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกได้แจ้งเตือนว่าจะยังคงมีฝนตกหนักอีกระลอก จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมในพื้นที่ทั้ง 16 อำเภอต่อไป
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่เขตเทศบาลนครหาดใหญ่นั้นล่าสุดได้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยทางศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเทศบาลนครหาดใหญ่ได้เปลี่ยนสัญญาณเตือนภัยระดับน้ำบริเวณคลอง ร.1 และคลองอู่ตะเภา จากธงเหลืองซึ่งอยู่ในภาวะเฝ้าระวัง เป็นธงเขียว ซึ่งเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากปริมาณน้ำทั้งสองคลองลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง
แม้ยังเกิดภาวะน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ของ อ.หาดใหญ่ แต่เจ้าหน้าที่สำนักงานไปรษณีย์หาดใหญ่ ก็ยังคงนำพัสดุไปรษณีย์ด่วนพิเศษหรืออีเอ็มเอส ออกไปส่งถึงมือผู้รับในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมตามกำหนดเวลา ทั้งขับรถจักรยานยนต์และเดินลุยน้ำเข้าไปในจุดที่ยังมีระดับน้ำท่วมสูง เพื่อบริการประชาชนให้ได้รับความสะดวกมากที่สุด และรับสิ่งที่ถูกส่งมาตามเวลา แม้จะอยู่ในในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมขังเนื่องจากพัสดุไปรษณีย์ด่วนพิเศษส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งของสำคัญที่ต้องส่งให้ถึงปลายทางโดยเร็วที่สุด
ส่วนปริมาณน้ำในทะเลสาบสงขลาเริ่มหนุนสูงขึ้น เนื่องจากอยู่ในภาวะอิ่มตัว เพราะต้องรับน้ำที่ไหลมาจากทุกอำเภอของ จ.สงขลา และพื้นที่ จ.พัทลุง ส่งผลให้พื้นที่บริเวณริมฝั่งเริ่มได้รับผลกระทบโดยเฉพาะชายหาดแหลมโพธิ์ ต.คูเต่า อ.หาดใหญ่ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.สงขลา ขนำของร้านอาหารที่สร้างยื่นลงไปในทะเลสาบสงขลา ถูกน้ำทะเลหนุนจนเกือบท่วมถึงพื้นและสะพาน และระดับหนุนขึ้นมาจนเกือบถึงร้านอาหารและซัดเอาซากปฏิกูลมาอยู่บริเวณชายหาด
นายประโชติ ศรีสุวรรณ หนึ่งในเจ้าของร้านอาหารริมหาดแหลมโพธิ์ ระบุว่า ขณะนี้น้ำในทะเลสาบสงขลาอยู่ในภาวะอิ่มตัว และหากยังคงมีฝนตกหนักติดต่อกันอีก 2-3 วัน อาจจะทำให้น้ำทะเลหนุนสูงและท่วมขนำกว่า 30 หลังที่ปลูกยื่นลงไปในทะเล เพราะน้ำจากคลองระบายน้ำ ร.1 คลองอู่ตะเภาและลำคลองสาขาใน จ.สงขลา จะไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลาเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ร้านอาหารริมหาดแหลมโพธิ์ที่มีอยู่ 14 ร้าน ต้องปิดกิจการชั่วคราวเกือบทั้งหมดเพราะไม่มีลูกค้าเนื่องจากน้ำท่วมและน้ำทะเลหนุน
ส่วนความคืบหน้าการค้นหาศพของ นายสวัสดิ์ กิจสุวรรณ อายุ 23 ปี นักศึกษาปี 4 คณะบริหารธุรกิจสาขาการตลาด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตภาคใต้ ที่ถูกคลื่นซัดตกลงไปในทะเลจนเสียชีวิต ขณะออกไปนั่งตกปลาที่บริเวณปลายเขื่อนปากร่องน้ำทะเลสาบ บริเวณปลายสนอ่อน แหลมสมิหลา อ.เมือง สงขลา
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ล่าสุด เจ้าหน้าที่พบศพแล้วโดยถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยฝั่งบริเวณชายหาดสมิหลาห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร ท่ามกลางความเศร้าสลดของพ่อแม่และเพื่อนนักศึกษาที่มาเฝ้ารอการค้นหาอยู่ที่ชายหาดตลอด 3 วันที่ผ่านมาก่อนที่ชุดกู้ภัยร่วมใจสงขลาจะนำศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสงขลาและมอบให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดอำเภอสะบ้าย้อย จ.สงขลา ต่อไป