ศูนย์ข่าวภูเก็ต - พบปัญหาทำลายสิ่งแวดล้อม บุกรุกป่าไม้ภูเก็ตเกิดสูงเหตุจากน้ำมือมนุษย์การพัฒนาที่ไร้ขีดจำกัด วอนช่วยกันดูแลก่อนก่อนสถานการณ์รุนแรงกว่าที่เป็นอยู่
นางเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ จ.ภูเก็ต กล่าวถึงปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้ภูเก็ตกำลังประสบกับปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะซึ่งมีทั้งป่าบก และป่าชายเลน รวมถึงพื้นที่พรุ เช่น พรุจิกบ้านไม้ขาว ป่าชายเลนบ้านกู้กู ที่มีการบุกรุกทำลายเป็นจำนวนมาก และที่น่าเป็นห่วงนอกเหนือจากปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าบกและป่าชายเลนแล้ว คือ ปัญหาการขุดตักถมและเปิดหน้าดินบนภูเขาซึ่งปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนมาก
ทั้งนี้ เนื่องจากการเติบโตของเมือง ทำให้มีการก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย ส่งผลให้พื้นที่ราบมีไม่เพียงพอ และได้ขยายการก่อสร้างที่อยู่ โรงแรม ที่พักไปยังภูเขาทำให้มีการเปิดหน้าดินเพื่อก่อสร้าง และเมื่อฝนตกลงมาทำให้เกิดการชะล้างหน้าดินและบางครั้งก็มีดินถล่มลงมาซึ่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเคยมีปัญหาดินถล่มเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งค่อนข้างน่าเป็นห่วงและต้องเอาใจใส่ให้มากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหารุนแรงมากขึ้น
นางเฉลิมลักษณ์ กล่าวต่อไปถึงแนวทางการปัญหาในเรื่องดังกล่าว ว่า ที่ผ่านมา ได้มีความพยายามในการประสานขอความร่วมมือจากผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ให้หันมาให้ความสนใจเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก จนละเลย หรือคิดถึงทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าในพื้นที่ของตัวเอง เช่นพื้นที่ป่าพรุ ป่าชายเลน เป็นต้น จึงอยากให้หันมาสนใจและให้ความสำคัญกับทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้มากกว่านี้
“รวมทั้งตนก็ได้ประสานไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความรู้และสร้างความตระหนักให้กับท้องถิ่นได้เห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรในท้องถิ่นของเขาเองผู้ที่มีบทบาทสำคัญ คือ ชาวบ้านในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ก็ได้เข้าไปพูดคุยและทำความเข้าใจกับชาวบ้าน เพื่อให้มีการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายในการช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อจะได้มีแนวทางการดูแลและแก้ปัญหาร่วมกัน และต่อไปนี้จะหาวิธีการป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่ม ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนจะต้องเข้ามาร่วมกันคิดหาแนวทางให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เพราะไม่เช่นนั้นอีก 1-2 ปีข้างมาก ปัญหาดังกล่าวจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากเราเป็นเมืองท่องเที่ยวซึ่งราคาที่ดินจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ และความต้องการทางด้านที่อยู่อาศัยสูง” นายเฉลิมลักษณ์ กล่าวและว่า
ขณะนี้มีคนบางกลุ่มพยายามขอปรับแก้ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สามารถก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเหนือระดับน้ำทะเลเกิน 80 เมตร ซึ่งหากจะปรับแก้กันจริงๆ ก็ต้องมาดูว่าจะสามารถดูแลปัญหาการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ที่จะไหลหรือถล่มลงมาได้หรือไม่ เพราะหากไม่มีการเตรียมการป้องกัน ก็จะอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด
นางเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ จ.ภูเก็ต กล่าวถึงปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้ภูเก็ตกำลังประสบกับปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะซึ่งมีทั้งป่าบก และป่าชายเลน รวมถึงพื้นที่พรุ เช่น พรุจิกบ้านไม้ขาว ป่าชายเลนบ้านกู้กู ที่มีการบุกรุกทำลายเป็นจำนวนมาก และที่น่าเป็นห่วงนอกเหนือจากปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าบกและป่าชายเลนแล้ว คือ ปัญหาการขุดตักถมและเปิดหน้าดินบนภูเขาซึ่งปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนมาก
ทั้งนี้ เนื่องจากการเติบโตของเมือง ทำให้มีการก่อสร้างเกิดขึ้นมากมาย ส่งผลให้พื้นที่ราบมีไม่เพียงพอ และได้ขยายการก่อสร้างที่อยู่ โรงแรม ที่พักไปยังภูเขาทำให้มีการเปิดหน้าดินเพื่อก่อสร้าง และเมื่อฝนตกลงมาทำให้เกิดการชะล้างหน้าดินและบางครั้งก็มีดินถล่มลงมาซึ่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเคยมีปัญหาดินถล่มเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งค่อนข้างน่าเป็นห่วงและต้องเอาใจใส่ให้มากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหารุนแรงมากขึ้น
นางเฉลิมลักษณ์ กล่าวต่อไปถึงแนวทางการปัญหาในเรื่องดังกล่าว ว่า ที่ผ่านมา ได้มีความพยายามในการประสานขอความร่วมมือจากผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ให้หันมาให้ความสนใจเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับเรื่องการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก จนละเลย หรือคิดถึงทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าในพื้นที่ของตัวเอง เช่นพื้นที่ป่าพรุ ป่าชายเลน เป็นต้น จึงอยากให้หันมาสนใจและให้ความสำคัญกับทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้มากกว่านี้
“รวมทั้งตนก็ได้ประสานไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความรู้และสร้างความตระหนักให้กับท้องถิ่นได้เห็นถึงคุณค่าของทรัพยากรในท้องถิ่นของเขาเองผู้ที่มีบทบาทสำคัญ คือ ชาวบ้านในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ก็ได้เข้าไปพูดคุยและทำความเข้าใจกับชาวบ้าน เพื่อให้มีการรวมกลุ่มเป็นเครือข่ายในการช่วยกันดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อจะได้มีแนวทางการดูแลและแก้ปัญหาร่วมกัน และต่อไปนี้จะหาวิธีการป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้มีการบุกรุกเพิ่ม ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนจะต้องเข้ามาร่วมกันคิดหาแนวทางให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เพราะไม่เช่นนั้นอีก 1-2 ปีข้างมาก ปัญหาดังกล่าวจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากเราเป็นเมืองท่องเที่ยวซึ่งราคาที่ดินจะมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ และความต้องการทางด้านที่อยู่อาศัยสูง” นายเฉลิมลักษณ์ กล่าวและว่า
ขณะนี้มีคนบางกลุ่มพยายามขอปรับแก้ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สามารถก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเหนือระดับน้ำทะเลเกิน 80 เมตร ซึ่งหากจะปรับแก้กันจริงๆ ก็ต้องมาดูว่าจะสามารถดูแลปัญหาการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ที่จะไหลหรือถล่มลงมาได้หรือไม่ เพราะหากไม่มีการเตรียมการป้องกัน ก็จะอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด
