ตรัง - ลมมรสุมที่มีกำลังแรงในพื้นที่ทางภาคใต้ ส่งผลให้ชาวเรือไม่สามารถออกทำประมงได้ อาหารทะเลในท้องตลาดจึงเริ่มขาดตลาด และมีการปรับขึ้นราคาแล้ว ผู้บริโภคหันบริโภคเนื้อสัตว์ประเภทอื่นแทน
วันนี้ (11 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ออกไปสำรวจบรรยากาศการจำหน่ายอาหารทะเล ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง ในช่วงที่ทะเลมีมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดปกคลุมประเทศไทย อ่าวไทย และทะเลอันดามัน ที่คงกำลังแรง ทำให้ชาวเรืองดออกเดินเรือในช่วงนี้เนื่องจากเกรงอันตราย ส่งผลให้อาหารทะเลเริ่มขาดตลาด และบางชนิดมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนจึงต้องลดปริมาณการบริโภคอาหารทะเล บรรยากาศการจำหน่ายอาหารทะเล ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง จึงเป็นไปอย่างซบเซา
นางมาลี ไกรเทพ อายุ 46 ปี แม่ค้าอาหารทะเลหลังตลาดสดเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า ในช่วงนี้อาหารทะเลเริ่มมีจำนวนน้อย เนื่องจากเรือประมงไม่สามารถออกทะเลได้ ทำให้อาหารทะเลมีราคาแพง ลูกค้าจึงหันไปเลือกบริโภคเนื้อสัตว์ประเภทอื่นแทน ซึ่งหากเรือประมงต้องงดออกทะเลหาปลาหมด ก็จะทำให้ไม่มีอาหารทะเลมาวางจำหน่ายให้กับลูกค้า และจะต้องหยุดพักการจำหน่ายเป็นการชั่วคราว โดยจะไม่มีการนำปลากระชังมาวางจำหน่ายแทน
สำหรับอาหารทะเลที่ประชาชนนิยมบริโภคมากที่สุด คือ ปลาทู และปลาลัง แต่ในช่วงขาดตลาด มีอาหารทะเลให้ลูกค้าเลือกน้อยมาก ทำให้ยอดการจำหน่ายในช่วงนี้ลดลงมาประมาณ 50-70% ซึ่งบางครั้งต้องหันหน้าไปพึ่งหนีนอกระบบ ที่ดอกเบี้ยสูงร้อยละ 20 หรือร้อยละ 30 เพราะต้องนำเงินมาหมุนเวียนในการลงทุน และนำบางส่วนไปจุนเจือครอบครัว เพราะวันใดที่ไม่มีอาหารทะเลวางจำหน่าย ก็ไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นได้ และบางครั้งต้องขาดทุนกับปลาหรืออาหารทะเลที่ขายไม่หมด ทำให้เน่าและต้องทิ้งไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับอาหารทะเลที่มีวางจำหน่ายในช่วงนี้ เช่น ปลาตะมะ อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท ปลาข้างปาน อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท ปลาแดงแจ้ง อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 70-80 บาท ปลาสาก (เล็ก) อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 60-70 บาท ปลาสาก (ใหญ่) อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 80-90 บาท ปลาหมึก อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนปลาทูหากมีวางจำหน่าย ก็จะอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 70-80 บาท
วันนี้ (11 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ออกไปสำรวจบรรยากาศการจำหน่ายอาหารทะเล ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง ในช่วงที่ทะเลมีมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดปกคลุมประเทศไทย อ่าวไทย และทะเลอันดามัน ที่คงกำลังแรง ทำให้ชาวเรืองดออกเดินเรือในช่วงนี้เนื่องจากเกรงอันตราย ส่งผลให้อาหารทะเลเริ่มขาดตลาด และบางชนิดมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนจึงต้องลดปริมาณการบริโภคอาหารทะเล บรรยากาศการจำหน่ายอาหารทะเล ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง จึงเป็นไปอย่างซบเซา
นางมาลี ไกรเทพ อายุ 46 ปี แม่ค้าอาหารทะเลหลังตลาดสดเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า ในช่วงนี้อาหารทะเลเริ่มมีจำนวนน้อย เนื่องจากเรือประมงไม่สามารถออกทะเลได้ ทำให้อาหารทะเลมีราคาแพง ลูกค้าจึงหันไปเลือกบริโภคเนื้อสัตว์ประเภทอื่นแทน ซึ่งหากเรือประมงต้องงดออกทะเลหาปลาหมด ก็จะทำให้ไม่มีอาหารทะเลมาวางจำหน่ายให้กับลูกค้า และจะต้องหยุดพักการจำหน่ายเป็นการชั่วคราว โดยจะไม่มีการนำปลากระชังมาวางจำหน่ายแทน
สำหรับอาหารทะเลที่ประชาชนนิยมบริโภคมากที่สุด คือ ปลาทู และปลาลัง แต่ในช่วงขาดตลาด มีอาหารทะเลให้ลูกค้าเลือกน้อยมาก ทำให้ยอดการจำหน่ายในช่วงนี้ลดลงมาประมาณ 50-70% ซึ่งบางครั้งต้องหันหน้าไปพึ่งหนีนอกระบบ ที่ดอกเบี้ยสูงร้อยละ 20 หรือร้อยละ 30 เพราะต้องนำเงินมาหมุนเวียนในการลงทุน และนำบางส่วนไปจุนเจือครอบครัว เพราะวันใดที่ไม่มีอาหารทะเลวางจำหน่าย ก็ไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นได้ และบางครั้งต้องขาดทุนกับปลาหรืออาหารทะเลที่ขายไม่หมด ทำให้เน่าและต้องทิ้งไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับอาหารทะเลที่มีวางจำหน่ายในช่วงนี้ เช่น ปลาตะมะ อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท ปลาข้างปาน อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท ปลาแดงแจ้ง อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 70-80 บาท ปลาสาก (เล็ก) อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 60-70 บาท ปลาสาก (ใหญ่) อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 80-90 บาท ปลาหมึก อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนปลาทูหากมีวางจำหน่าย ก็จะอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 70-80 บาท
