โชเฟอร์แท็กซี่เมาได้ที่มองหน้าเด็กบาร์แล้วเขม่นกันเองจ้วงแทงกระหน่ำไม่ยั้งเกือบ 20 แผล เสียชีวิต 2 ราย หน้าร้านลาบแถวลาดพร้าว 71
วันนี้ (7 พ.ย.) เมื่อเวลา 07.00 น. ร.ต.อ.เมธี เลาหะเมธี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.โชคชัย รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาททำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ที่บริเวณหน้าร้านลาบไทยางตลาด ใกล้ปั๊มแก๊สไม่มีชื่อ ถนนนาคนิวาส 15 ถนนลาดพร้าว 71 แขวงและเขตลาดพร้าว จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผกก.สส.สน.โชคชัย พ.ต.ท.ธรากร เลิศพรเจริญ สว.สส.สน.โชคชัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลตำรวจ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าร้านลาบดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบศพชาย 2 ศพ ศพแรกคือนายประดิษฐ์ ผลรักษ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 หมู่ 13 ต.ดอกจิก อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีแดง นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีกรมท่า ตรวจสอบตามร่างกายมีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่ใต้ราวนมซ้ายตัดขั้วหัวใจ จำนวน 1 แผล ใกล้กันพบศพนายชัยวัฒน์ หรือบอย โชติวัฒน์ อายุ 18 ปี สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีขาวสีขาว กางเกงยีนส์ขายาว มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดใต้ราวนมซ้ายตัดขั้วหัวใจเช่นเดียวกัน และถูกแทงที่ด้านหลังอีก 1 แผล
นอกจากนี้ยังทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 3 ราย ถูกพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล โชคชัย 4 ไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายภาณุวิทย์ ผลรักษ์ อายุ 31 ปี มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่ร่างกาย จำนวน 16 แผล นายสมปอง ผลรักษ์ ถูกแทงเข้าที่ลำตัว และนายวรศักดิ์ ผลรักษ์ อายุ 33 ปี ถูกแทงเข้าที่ลำตัว จำนวน 11 แผล แพทย์ต้องช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุยังพบเก้าอี้พลาสติกสีฟ้าอ่อนมีที่พิง สภาพแตกกระจายอีก 1 ตัว ขวดโซดาแตกกระจาย มีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต 1 เล่ม และรองเท้าแตะของผู้ตาย 2 คู่ จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือมีดที่ลงมือก่อเหตุครั้งนี้เอาไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมร วิชผล อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 9 ต.หนองพอก อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด โชเฟอร์ขับรถแท็กซี่ ซึ่งอยู่ในสภาพมึนเมาสุรา พร้อมของกลางอาวุธมีดพับเปื้อนคราบเลือด ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.โชคชัย
จากการสอบสวนนางละอองนวล กิติคุณ อายุ 38 ปี เจ้าของร้านลาบที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 05.00 น.ที่ผ่านมา นายสมรกับเพื่อนโชเฟอร์แท็กซี่อีกประมาณ 5-6 คน เข้ามาเติมแก๊สที่ปั๊มแก๊สข้างร้าน จากนั้นก็มานั่งสั่งอาหารและเหล้าที่ร้านตนเพื่อรอเติมแก๊ส โดยทั้งงหมดนั่งอยู่ที่โต๊ะริมทางเท้าหน้าร้าน จากนั้นเวลาประมาณ 06.00 น.กลุ่มของผู้ตาย จำนวน 5 คน เป็นชาย 4 คนและ หญิง 1 คน ก็เข้ามานั่งสั่งอาหารและเหล้าที่ร้านตน โดยนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านข้างปากทางออกของปั๊มแก๊ส ใกล้กับโต๊ะของกลุ่มนายสมร และระหว่างที่ทั้ง 2 กลุ่ม นั่งกินกันก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ผิดปกติอะไร โดยตนบอกทั้ง 2 กลุ่มไปว่าให้นั่งดื่มกินได้แค่ 7 โมงเช้าเท่านั้น เพราะจะปิดร้านแล้ว
นางละอองนวลกล่าวต่อไปว่า จากนั้นเวลาประมาณ 07.00 น. กลุ่มของผู้ตายก็สั่งเช็กบิล แล้วทั้งหมดก็เดินไปเรียกรถแท็กซี่ที่หน้าปั๊มแก๊ส และกำลังเปิดประตูจะขึ้นรถ ซึ่งตนไม่ได้สนใจอะไร เพราะเห็นว่าออกไปจากร้านแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานได้ยินเสียงคนทะเลาะกันที่หน้าร้านตน เมื่อหันมาดูก็เห็นกลุ่มของผู้ตายกับกลุ่มของนายสมร กำลังตีกันอยู่จึงโทรศัพท์แจ้งหมายเลข 191 แต่โทร.เท่าไรก็ไม่ติด จึงโทรหาคนรู้จักที่เป็นอาสาสมัครไม่ทราบสังกัดให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมใกล้กับจุดเกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ยังมาไม่ถึงกลุ่มของผู้ตายก็มาถูกแทงเสียชีวิตไป 2 ศพดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.พรชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่ากลุ่มผู้ตายทำงานอยู่ที่ร้านอาหารโคโค่บาร์ ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ไกลนัก ซึ่งหลังเลิกงานก็ได้แวะมานั่งกินอาหารที่ร้านดังกล่าว แต่ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันกับกลุ่มผู้ต้องหา แต่คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการมองหน้ากันแล้วเขม่นกันจนเกิดความไม่พอใจ กระทั่งมาถูกกลุ่มผู้ต้องหาเข้ามาทำร้ายร่างกายและใช้อาวุธมีดแทงจนเสียชีวิต
พ.ต.ท.พรชัย กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนทางด้าน นายสมร ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้มีดแทงนายประดิษฐ์เสียชีวิตจริง แต่จำไม่ได้ว่าแทงใครไปบ้างเพราะช่วงนั้นชุลมุน และจำได้ว่าแทงแค่นายประดิษฐ์เพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนเพื่อนแท็กซี่ที่นั่งกินเหล้าด้วยกัน ทราบเพียงชื่อเล่นว่า นายโต้ง นายชาติ และนายนิด ได้หลบหนีไปหลังเกิดเหตุ ขณะนี้อยู่ระหว่างออกติดตามตัวมาสอบสวน ส่วนอาวุธมีดปลายแหลมที่พบในจุดเกิดเหตุ ทราบว่าเป็นของกลุ่มผู้ตายที่พกติดตัวมาด้วย แต่อาวุธมีดที่นายสมรใช้ก่อเหตุได้โยนทิ้งข้างทางก่อนที่จะถูกจับกุมตัวได้
เบื้องต้นเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อในคำให้การของนายสมรที่อ้างว่าลงมือเพียงคนเดียว จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายต่อนายสมรไว้ก่อน โดยหลังจากนี้จะให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เร่งรัดติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (7 พ.ย.) เมื่อเวลา 07.00 น. ร.ต.อ.เมธี เลาหะเมธี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.โชคชัย รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาททำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ที่บริเวณหน้าร้านลาบไทยางตลาด ใกล้ปั๊มแก๊สไม่มีชื่อ ถนนนาคนิวาส 15 ถนนลาดพร้าว 71 แขวงและเขตลาดพร้าว จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผกก.สส.สน.โชคชัย พ.ต.ท.ธรากร เลิศพรเจริญ สว.สส.สน.โชคชัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลตำรวจ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าร้านลาบดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบศพชาย 2 ศพ ศพแรกคือนายประดิษฐ์ ผลรักษ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 125 หมู่ 13 ต.ดอกจิก อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีแดง นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีกรมท่า ตรวจสอบตามร่างกายมีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่ใต้ราวนมซ้ายตัดขั้วหัวใจ จำนวน 1 แผล ใกล้กันพบศพนายชัยวัฒน์ หรือบอย โชติวัฒน์ อายุ 18 ปี สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีขาวสีขาว กางเกงยีนส์ขายาว มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดใต้ราวนมซ้ายตัดขั้วหัวใจเช่นเดียวกัน และถูกแทงที่ด้านหลังอีก 1 แผล
นอกจากนี้ยังทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 3 ราย ถูกพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล โชคชัย 4 ไปก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายภาณุวิทย์ ผลรักษ์ อายุ 31 ปี มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่ร่างกาย จำนวน 16 แผล นายสมปอง ผลรักษ์ ถูกแทงเข้าที่ลำตัว และนายวรศักดิ์ ผลรักษ์ อายุ 33 ปี ถูกแทงเข้าที่ลำตัว จำนวน 11 แผล แพทย์ต้องช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุยังพบเก้าอี้พลาสติกสีฟ้าอ่อนมีที่พิง สภาพแตกกระจายอีก 1 ตัว ขวดโซดาแตกกระจาย มีดปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต 1 เล่ม และรองเท้าแตะของผู้ตาย 2 คู่ จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือมีดที่ลงมือก่อเหตุครั้งนี้เอาไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมร วิชผล อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 หมู่ 9 ต.หนองพอก อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด โชเฟอร์ขับรถแท็กซี่ ซึ่งอยู่ในสภาพมึนเมาสุรา พร้อมของกลางอาวุธมีดพับเปื้อนคราบเลือด ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.โชคชัย
จากการสอบสวนนางละอองนวล กิติคุณ อายุ 38 ปี เจ้าของร้านลาบที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 05.00 น.ที่ผ่านมา นายสมรกับเพื่อนโชเฟอร์แท็กซี่อีกประมาณ 5-6 คน เข้ามาเติมแก๊สที่ปั๊มแก๊สข้างร้าน จากนั้นก็มานั่งสั่งอาหารและเหล้าที่ร้านตนเพื่อรอเติมแก๊ส โดยทั้งงหมดนั่งอยู่ที่โต๊ะริมทางเท้าหน้าร้าน จากนั้นเวลาประมาณ 06.00 น.กลุ่มของผู้ตาย จำนวน 5 คน เป็นชาย 4 คนและ หญิง 1 คน ก็เข้ามานั่งสั่งอาหารและเหล้าที่ร้านตน โดยนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านข้างปากทางออกของปั๊มแก๊ส ใกล้กับโต๊ะของกลุ่มนายสมร และระหว่างที่ทั้ง 2 กลุ่ม นั่งกินกันก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ผิดปกติอะไร โดยตนบอกทั้ง 2 กลุ่มไปว่าให้นั่งดื่มกินได้แค่ 7 โมงเช้าเท่านั้น เพราะจะปิดร้านแล้ว
นางละอองนวลกล่าวต่อไปว่า จากนั้นเวลาประมาณ 07.00 น. กลุ่มของผู้ตายก็สั่งเช็กบิล แล้วทั้งหมดก็เดินไปเรียกรถแท็กซี่ที่หน้าปั๊มแก๊ส และกำลังเปิดประตูจะขึ้นรถ ซึ่งตนไม่ได้สนใจอะไร เพราะเห็นว่าออกไปจากร้านแล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นานได้ยินเสียงคนทะเลาะกันที่หน้าร้านตน เมื่อหันมาดูก็เห็นกลุ่มของผู้ตายกับกลุ่มของนายสมร กำลังตีกันอยู่จึงโทรศัพท์แจ้งหมายเลข 191 แต่โทร.เท่าไรก็ไม่ติด จึงโทรหาคนรู้จักที่เป็นอาสาสมัครไม่ทราบสังกัดให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมใกล้กับจุดเกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ยังมาไม่ถึงกลุ่มของผู้ตายก็มาถูกแทงเสียชีวิตไป 2 ศพดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.พรชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่ากลุ่มผู้ตายทำงานอยู่ที่ร้านอาหารโคโค่บาร์ ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ไกลนัก ซึ่งหลังเลิกงานก็ได้แวะมานั่งกินอาหารที่ร้านดังกล่าว แต่ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันกับกลุ่มผู้ต้องหา แต่คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการมองหน้ากันแล้วเขม่นกันจนเกิดความไม่พอใจ กระทั่งมาถูกกลุ่มผู้ต้องหาเข้ามาทำร้ายร่างกายและใช้อาวุธมีดแทงจนเสียชีวิต
พ.ต.ท.พรชัย กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนทางด้าน นายสมร ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้มีดแทงนายประดิษฐ์เสียชีวิตจริง แต่จำไม่ได้ว่าแทงใครไปบ้างเพราะช่วงนั้นชุลมุน และจำได้ว่าแทงแค่นายประดิษฐ์เพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนเพื่อนแท็กซี่ที่นั่งกินเหล้าด้วยกัน ทราบเพียงชื่อเล่นว่า นายโต้ง นายชาติ และนายนิด ได้หลบหนีไปหลังเกิดเหตุ ขณะนี้อยู่ระหว่างออกติดตามตัวมาสอบสวน ส่วนอาวุธมีดปลายแหลมที่พบในจุดเกิดเหตุ ทราบว่าเป็นของกลุ่มผู้ตายที่พกติดตัวมาด้วย แต่อาวุธมีดที่นายสมรใช้ก่อเหตุได้โยนทิ้งข้างทางก่อนที่จะถูกจับกุมตัวได้
เบื้องต้นเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อในคำให้การของนายสมรที่อ้างว่าลงมือเพียงคนเดียว จึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายต่อนายสมรไว้ก่อน โดยหลังจากนี้จะให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่เร่งรัดติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
