xs
xsm
sm
md
lg

จับชาวบ้าน 4 รายแอบบุกรุกพื้นที่ป่าสิเกา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตรัง - ฝ่ายปกครองอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง พร้อมชุดสืบสวน สภ.สิเกา เข้าตรวจยึดพื้นที่และจับกุมผู้บุกรุกแผ้วถางป่าได้ 4 ราย โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายเข้าทำการถือครองป่า

วันนี้ (22 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ภายใต้การสั่งการของ นายเสรี พาณิชย์กุล นายอำเภอสิเกา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.สิเกา นำโดย ร.ต.ท.แดง ศรีสมบูรณ์ หัวหน้าชุดสืบสวน เข้าทำการจับกุมชาวบ้านที่กำลังทำการบุกรุกพื้นที่ป่า ริมถนนสายตรัง-สิเกา ช่วงพื้นที่หมู่ที่ 1 บ้านควนเห็นเล ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา ซึ่งอยู่ห่างจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 10-20 เมตรเท่านั้น และได้ปักป้ายประกาศเป็นพื้นที่ป่าชุมชน ในเนื้อที่ป่าโดยรวมมีทั้งหมดประมาณ 90 ไร่ หลังรับแจ้งว่ามีผู้ลักลอบเข้าไปบุกรุกแผ้วถางป่า และทำการปลูกต้นปาล์มน้ำมัน รวมทั้งก่อสร้างกระต๊อบสำหรับพักอาศัยด้วย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบว่ามีการบุกรุกจับจองพื้นที่เป็นหย่อมๆ พร้อมกับพบชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน ทราบชื่อคือ นายเสวียน หวานขัน อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 160/1 หมู่ที่ 4 ตำบลคลองชีล้อม อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง นายสุวรรณ ทองแก้ว อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 12 ตำบลเขาวิเศษ อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง นายบุญธรรม สว่างเวียง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119/2 หมู่ที่ 4 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง และนายโสภลวิชญ์ ช่วยหวัง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งค่าย อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง

ส่วนของกลางที่ตรวจยึดมาได้ในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย ค้อน เลื่อย กระเบื้องเก่าๆ สำหรับมุงหลังคา และกระต๊อบสำหรับพักอาศัย จำนวน 4 หลัง โดยมี นายสุวรรณ 1 ในผู้ต้องหา รับเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆ อ้างว่ามาช่วยสร้างกระต๊อบ ขณะที่ นายเสวียน กับ นายบุญธรรม นั้น เคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมมาแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ ขณะที่ทำการบุกรุกพื้นที่ดังกล่าวนี้เช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหาร่วมกันบุกรุกแผ้วถางและครอบครองพื้นที่ป่าด้วยตนเอง หรือผู้อื่นแผ้วถางให้ พร้อมควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สิเกา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทางด้านเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เปิดเผยว่า การเข้าไปแผ้วถางป่าของชาวบ้านกลุ่มนี้ เป็นลักษณะที่ไม่เกรงกลัวการถูกจับกุม และดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะหวังว่าหากถูกจับกุมแล้ว แต่ได้รับโทษปรับออกมา โดยในระหว่างที่รอการฟ้องศาล ตนเองก็ยังสามารถกลับเข้าไปยึดครอง และทำกินได้

ขณะเดียวกันยังสามารถปิดกั้นไม่ให้ชาวบ้านคนอื่นเข้าไปแย่งที่ทำกินที่ตนเองบุกรุกไว้ได้ด้วย นอกจากนั้น การถือครองทำกินเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ ส่วนใหญ่ศาลก็จะปรานีลงโทษเพียงสถานเบา และนานๆ เข้าบุคคลกลุ่มนี้ก็จะอ้างสิทธิ์การถือครองพื้นที่ไปเลย ดังนั้น จึงเข้าข่ายลักษณะจงใจเข้าไปยึดครอง โดยใช้กาลเวลาเป็นตัวกำหนด ซึ่งขณะนี้พบว่ามีชาวบ้านที่คิดการณ์ในลักษณะเช่นนี้เป็นจำนวนมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น