นครศรีธรรมราช - NGO นครศรีธรรมราชจับมือสานเครือข่ายจัดเวทีสาธารณะ หลังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จ่อลงทุนพื้นที่ขนอม ด้านตัวแทนชาวบ้านเน้นย้ำให้หันกลับไปมอง บทเรียนจากต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมาที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเมือง นครศรีธรรมราช ได้มีการจัดเวทีสาธารณะเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ความจำเป็น ข้อดี-ข้อเสีย และบทเรียนจากต่างประเทศ โดยมีหัวหน้าคณะทำงานด้านการสื่อสารตัวแทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) นายสหรัฐ บุญโพธภักดี นายสันติ โชคชัยชำนาญกิจ จากโครงการจุลสารจับตานิวเคลียร์ นายยุทธนา ไกรเสม ตัวแทนชาวบ้านจาก อ.ขนอม นครศรีฯ และนายประยุทธ วรรณพรหม ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิ่งแวดล้อมนครศรีฯ เข้าร่วมในการประชุม รวมทั้งมีชาวบ้านจากพื้นที่นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์และชุมพร เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
การศึกษาความเป็นไปได้ของการสร้างโรงไฟฟ้านั้น ตอนนี้ก็คืบหน้าไปแล้วกว่า 53% ส่วนระยะต่อไปที่จะมีการสร้างต่อไปหรือไม่นั้น รัฐจะเป็นผู้ตัดสินใจ โดยกฟฝ.ได้ว่าจ้างบริษัท เบริ์นแอนด์โร จากสหรัฐฯ เป็นผู้ศึกษาความเหมาะสมของโครงการ เป็นระยะเวลา 10 เดือนที่จะต้องเน้นระบบความปลอดภัยเป็นอย่างมาก
โดยทางกฟผ.ได้อ้างถึงแบบสอบถามกลับมา 2 หมื่นชุด ที่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจว่าในอนาคตหากไม่มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ประเทศไทยก็จะไม่มีไฟฟ้าใช้
ทางด้านนายยุทธนา ไกรเสม ตัวแทนชาวบ้าน อ.ขนอม นครศรีธรรมราช ได้กล่าวว่า ผลการวิจัยที่ผ่านมามองกันว่าพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดคือพื้นที่คือ อ.ขนอม นครศรีธรรมราช ซึ่งในตอนนี้มีการกว้านซื้อที่ดินในบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ได้มีการระดมชาวบ้าน อ.ขนอมให้มาร่วมกันแสดงความคิดเห็น รวมทั้งการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานใดออกมาประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทราบเลยว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะส่งผลกระทบกับชีวิตชาวบ้านอย่างไร โดยหันไปมองประสบการณ์เลวร้ายที่ประเทศญี่ปุ่นเคยได้รับ
“คำว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นชาวบ้านกลัว กลัวจากความไม่รู้ แต่ถ้ามีการให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นส่งผลกระทบอะไรบ้าง ชาวบ้านจะสามารถวิเคราะห์หรือช่างน้ำหนักได้ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร การให้ข้อมูลที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่ฟังแต่ภาครัฐอย่างเดียว คิดว่าทุกภาคส่วนต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน และต้องรับฟังความคิดเป็นจากทุกฝ่าย ทั้งชาวบ้านในพื้นที่ และส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ” นายยุทธนากล่าว
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมาที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเมือง นครศรีธรรมราช ได้มีการจัดเวทีสาธารณะเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ความจำเป็น ข้อดี-ข้อเสีย และบทเรียนจากต่างประเทศ โดยมีหัวหน้าคณะทำงานด้านการสื่อสารตัวแทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟฝ.) นายสหรัฐ บุญโพธภักดี นายสันติ โชคชัยชำนาญกิจ จากโครงการจุลสารจับตานิวเคลียร์ นายยุทธนา ไกรเสม ตัวแทนชาวบ้านจาก อ.ขนอม นครศรีฯ และนายประยุทธ วรรณพรหม ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิ่งแวดล้อมนครศรีฯ เข้าร่วมในการประชุม รวมทั้งมีชาวบ้านจากพื้นที่นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์และชุมพร เข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
การศึกษาความเป็นไปได้ของการสร้างโรงไฟฟ้านั้น ตอนนี้ก็คืบหน้าไปแล้วกว่า 53% ส่วนระยะต่อไปที่จะมีการสร้างต่อไปหรือไม่นั้น รัฐจะเป็นผู้ตัดสินใจ โดยกฟฝ.ได้ว่าจ้างบริษัท เบริ์นแอนด์โร จากสหรัฐฯ เป็นผู้ศึกษาความเหมาะสมของโครงการ เป็นระยะเวลา 10 เดือนที่จะต้องเน้นระบบความปลอดภัยเป็นอย่างมาก
โดยทางกฟผ.ได้อ้างถึงแบบสอบถามกลับมา 2 หมื่นชุด ที่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เพราะประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจว่าในอนาคตหากไม่มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ประเทศไทยก็จะไม่มีไฟฟ้าใช้
ทางด้านนายยุทธนา ไกรเสม ตัวแทนชาวบ้าน อ.ขนอม นครศรีธรรมราช ได้กล่าวว่า ผลการวิจัยที่ผ่านมามองกันว่าพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดคือพื้นที่คือ อ.ขนอม นครศรีธรรมราช ซึ่งในตอนนี้มีการกว้านซื้อที่ดินในบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ได้มีการระดมชาวบ้าน อ.ขนอมให้มาร่วมกันแสดงความคิดเห็น รวมทั้งการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานใดออกมาประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทราบเลยว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะส่งผลกระทบกับชีวิตชาวบ้านอย่างไร โดยหันไปมองประสบการณ์เลวร้ายที่ประเทศญี่ปุ่นเคยได้รับ
“คำว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นชาวบ้านกลัว กลัวจากความไม่รู้ แต่ถ้ามีการให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นส่งผลกระทบอะไรบ้าง ชาวบ้านจะสามารถวิเคราะห์หรือช่างน้ำหนักได้ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร การให้ข้อมูลที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่ฟังแต่ภาครัฐอย่างเดียว คิดว่าทุกภาคส่วนต้องมีข้อมูลที่ชัดเจน และต้องรับฟังความคิดเป็นจากทุกฝ่าย ทั้งชาวบ้านในพื้นที่ และส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นๆ” นายยุทธนากล่าว
