ยะลา - เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดยะลา สามารถสเกตช์ภาพคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดในตลาดสดพิมลชัย ได้แล้ว ขณะที่แม่ค้าในตลาดสดพิมลชัย ไม่เชื่อใจในเครื่อง GT200 ในการตรวจวัตถุระเบิดอีกต่อไปแล้ว
วันนี้ (21 ต.ค.) หลังจากเกิดเหตุมีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ได้นำรถจักรยานยนต์บอมบ์ มาก่อเหตุภายในตลาดสดพิมลชัย ถนนพิมลชัย เทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 25 ราย เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 ต.ค.2552 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.11 อ.เมืองยะลา และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสำนักงานตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ได้แบ่งหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนเพื่อง่ายต่อการทำงาน
โดยชุดแรกทำการสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ ที่คนร้ายนำมาก่อเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าดรีม 100 ซีซี สีเปลือกมังคุด แผ่นป้ายทะเบียน น 5411 ยะลา เป็นรถจักรยานยนต์ของ นายจรูญ ถัดศรี มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดสงขลา
ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายที่คนขโมยมา และการสอบสวนจากพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุทั้งหมดได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แจ้งเบาะแส ตำหนิรูปพรรณของคนร้ายได้อย่างชัดเจน ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดยะลา สามารถที่จะสเกตช์ภาพของคนร้ายที่นำรถจักรยานยนต์มาจอดได้
สำหรับภาพสเกตช์คนร้ายรายนี้ เป็นชายไทยอายุประมาณ 25-30 ปี ส่วนสูงประมาณ 160-165 ซม.น้ำหนักประมาณ 45-50 กิโลกรัม ผิวสีดำแดง หน้าตาดี ผอม ขณะที่มาก่อเหตุสวมเสื้อยืดสีดำแขนยาว สวมหมวกแก๊ป ใส่ผ้ากันเปื้อน โดยอำพรางตัวเองว่าเป็นพ่อค้า ซึ่งพยานทุกคนยืนยันว่าเหมือนผู้ก่อเหตุ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหากประชาชนพบเห็นบุคคลลักษณะดังกล่าว ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบโดยทันที
พล.ท.กสิกร คีรีศรี ผู้บัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (ผบ.พตท.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ที่ผ่านมา เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด GT200 จะตกเป็นจำเลยอยู่หลายครั้ง ซึ่งปัจจุบันทางกองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ได้กำหนดมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ในการใช่เครื่อง GT200 ให้แก่พี่น้องประชาชนในประการแรก ได้มีการตรวจสอบเครื่อง GT200 ทั้งหมด ว่า ทั้งหมดอยู่ในสภาพที่ดี พร้อมใช้งานหรือเปล่า ประการที่สอง ได้จัดให้มีการฝึกทบทวนเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ไม่ว่าทางด้านการฝึกพื้นฐาน และ การฝึกในขั้นสูง เพื่อใช้เครื่อง GT200 ประการที่สาม ได้กำหนดมาตรการ ว่า หลังจากนี้ต่อไป ห้ามผู้ที่ไม่ได้ผ่านการฝึกอบรมมาใช้เครื่อง GT200 เป็นอันขาด
ส่วนการใช้นั้น จะต้องใช้ควบคู่กัน 2 คน หากพบวัตถุต้องสงสัยแล้ว ถ้าคนแรกไม่พบ ก็จะใช้คนที่ 2 ตรวจ เพื่อเป็นการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรื่องเป็นเรื่องที่ทาง กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร ได้มีการเน้นย้ำ อยู่ตลอด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม ส่วนหน่วยงานข้างเคียง ในขณะนี้บางส่วนก็มีเครื่อง GT200 ใช้แล้วเช่นกัน ก็มีการฝึกทบทวนการใช้เช่นเดียวกัน เป็นประจำอยู่แล้ว
นางรุ่งอรุณ โนวัฒน์ เจ้าของเขียงหมู ในตลาดสดพิมลชัย กล่าวว่า ในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ทหารใช้เครื่อง GT200 มาตรวจภายในตลาดสดทุกวัน แต่ตนเองไม่เชื่อในเครื่องมือตรวจวัตถุระเบิดเครื่องนี้แล้ว เพราะตนเองโดนมาแล้ว เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2552 ที่ผ่านมา วันนี้หูยังอื้ออยู่เลย อยากจะให้เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากว่านี้ เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตามหลังกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ มาโดยตลอด เพราะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก็มีการพัฒนาการก่อเหตุร้ายตลอดเวลาเช่นกัน
ซึ่งถ้าหากว่ามีรถจักรยานยนต์ หรือว่ารถยนต์ต้องสงสัย เข้ามาในตลาดสด อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ตรวจให้ละเอียดกว่าเดิม เพราะว่าเมื่อวันที่ระเบิดในตลาดสด แม่ค้าได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทหารทราบว่ามีรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย เมื่อทหารมาถึงก็ได้ใช้เครื่อง GT200 มาตรวจแต่ก็ไม่พบแล้วบอกว่า ไม่มีอะไร ปลอดภัยแล้ว
ภายในวันเดียวกัน อาคารศาลากลางจังหวัดยะลา (หลังใหม่) พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้นำตัว นายมูฮำหมัดฮาลาวี กามาลอดิง อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 91/1 หมู่ที่ 11 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคง เข้ามอบตัวกับ นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เพื่อเข้าต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมาย
หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในพื้นที่ของจังหวัดยะลา ซึ่งจากการทำการสืบสวน มีพยานหลักฐานว่าเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิง นายสิทธิชัย ฟุ้งนาคมรกต จนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2549 โดยในวันที่ก่อเหตุนั้น นายมูฮำหมัดฮาลาวี กามาลอดิง นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์โดยมี นายมูฮำหมัด มะแตหะ เป็นผู้ขับขี่ ซึ่งกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ บ้านป่าหวัง ต.บันนังสตา จ.ยะลา ในเบื้องต้นนั้น นายมูฮำหมัดฮาลาวี ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอต่อสู้คดีในชั้นศาล