ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กล้องซีซีทีวี-ระบบ License Page ช่วยตำรวจด่านตรวจท่าฉัตรไชยภูเก็ตจับคนร้ายก่อเหตุลักรถฟอร์จูนเนอร์-ลักทรัพย์นักท่องเที่ยวได้ทันควัน ระบุที่ผ่านมามีคนร้ายก่อเหตุขโมยรถเช่าออกนอกพื้นที่แล้วกว่า 10 คดี แต่เจ้าของรถแจ้งความช้าทำให้การติดตามทำได้ยาก
วันนี้ (12 ต.ค.) พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ ผกก.สภ.ท่าฉัตรไชย องถลาง จ.ภูเก็ต ร่วมกัน แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุลักทรัพย์ และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ ของนักท่องเที่ยวชาวเดนมาร์ก ซึ่งรถนั้นเป็นรถที่นักท่องเที่ยวเช่ามาใช้ในระหว่างที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
พล.ต.ต.พิกัด กล่าวว่า สำหรับการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากนายบีจานรัด นักท่องเที่ยวชาวเดนมาร์ก ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต .กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ตว่า รถยนต์หมายเลขทะเบียน กฉ-6474 ภูเก็ต ซึ่งจอดไว้ที่บ้านพัก รวมทั้งทรัพย์สินภายในบ้านถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนขโมยไป เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วันนี้ (12 ต.ค.) ภายหลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจท่าฉัตรไชยจึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และระบบLicense Page ซึ่งเป็นระบบตรวจจับแผ่นป้ายทะเบียนรถและบุคคลต่างๆ ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้นไม่พบว่ารถคันที่ได้รับแจ้งผ่านออกทางด่านตรวจ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดและจากการตรวจสอบอย่างเข้มงวดพบว่าเมื่อรถคันดังกล่าวขับเข้ามาทางด่านตรวจระบบ License Page ได้แสดงให้เจ้าหน้าที่ทราบ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นระคันดังกล่าวและขอตรวจสอบคู่มือรถ แต่คนขับรถไม่มีแสดง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวคนขับมาสอบสวน
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่ขับรถคันดังกล่าวมา คือ นายสมพร เพ็งจันทร์ อายุ 34 ปี และตรวจพบธนบัตรประเทศอิหร่านฉบับละ 10,000 จำนวน 1 ฉบับ และเงินสกุลเดนมาร์คจำนวน 14,250 คอร์เนอร์ คิดเป็นเงืนไทยประมาณ 90,000 บาท
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามนายสมพรทราบว่าได้ขโมยรถยนต์คันดังกล่าวมาจริง และต้องการที่จะนำไปขายต่อที่จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายสมพรไปตรวจค้นรถกระบะอีกคันที่นายสมพรอ้างมานำมาใช้สำหรับการก่อเหตุก่อนที่จะจอดทิ้งไว้ในพื้นที่ป่าตอง ซึ่งจากการตรวจค้นภายในรถพบไขควงจำนวน 2 ตัว โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง แหวนทอง จำนวน 1 วงซึ่งเป็นของผู้เสียหาย จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งสถานีตำรวจภูธรกมลาดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นโดยใช้ยานพาหนะหรือรับของโจร
พล.ต.ต.พิกัด กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีคดีเกี่ยวกับรถเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะแก็งค์โจรกรรมรถที่แฝงตัวเข้ามาก่อเหตุโดยทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวและติดต่อขอเช่ารถจากบริษัทให้เช่ารถหลังจากนั้นจะนำรถหนีออกนอกพื้นที่ ซึ่งขณะนี้มีเกิดขึ้นแล้วกว่า 10 คดี แต่กว่าเจ้าของรถจะรู้ตัวว่ารถถูกเชิดก็ต้องใช้เวลากลายวัน ทำให้การติดตามรถที่สูญหายทำได้ยาก ซึ่งจากการตรวจสอบระบบ License Page จะพบว่ามีคนขับรถออกไปแต่ไม่ทราบว่าเป็นใครทำให้การติดตามทำได้ยาก เพราะฉะนั้นจึงอยากให้เจ้าของรถระมัดระวังและเพิ่มความเข้มในการปล่อยรถให้เช่า ที่สำคัญเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นให้แจ้งตำรวจให้เร็วที่สุด