สุราษฎร์ธานี - “ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8” ระบุ 3 ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ที่บุกเข้าจารกรรมร้านทองกลางเมืองสุราษฎร์ธานี ไม่ใช่นักท่องเที่ยวตกอับ แต่เป็นแก๊งอาญากรข้ามชาติ ประสาน ตม.เร่งสกัดเส้นทางหลบหนีของหัวหน้าแก๊งแล้ว ตรวจสอบหนังสือเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย ก่อนลักลอบเดินเท้าเข้าประเทศไทย ผ่านด่านสุไหง-โกลก
วันนี้ (7 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.พล.ต.ท.สันฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 สอบปากคำเพิ่มเติม นาย Jvan Carlos อายุ 28 ปี ชาวเวเนซุเอลา, นาย Jose Mauricio อายุ 33 ปี ชาวเอกวาดอร์ และนาย Ricardo Alberic อายุ 25 ปี ชาวเม็กซิโก ผู้ต้องหาที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จับกุมตัวได้
ขณะเข้าไปจารกรรมทรัพย์สินห้างทอง “ตั้งกวงเฮง” ถ.หน้าเมือง เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 6 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา พร้อมของจำนวน 25 รายการ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับ อาทิ สร้อยคอนาก สร้อยเงิน กำไลพลอยสีต่างๆ เงินสด และอุปกรณ์สำหรับงัดแงะ คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สิน 300,000 บาท
โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง ในการสอบปากคำผู้ต้องหา และตรวจดูภาพทีวีวงจรปิดของร้านเกิดเหตุ และร้านค้าบริเวณอยู่บริเวณใกล้เคียง พบว่า มีคนร้ายจำนวนหนึ่งราย ลักษณะเป็นชายโกนหัว ใส่เสื้อสีดำ ได้ใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ รุ่นฟอร์จูนเนอร์ ป้ายทะเบียนจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับหลบหนีไปได้ ขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พล.ต.ท.สันฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า จากการตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่า บุคคลทั้ง 3 คน มีการเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย แล้วลักลอบเดินเท้าเข้าประเทศไทย ทางด่านสุไหง-โกลก จ.นราธิวาส
และพบว่า อุปกรณ์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เป็นอุปกรณ์เครื่องมือไฮเทค ไม่ใช่หัวแก๊สตัดเหล็กทั่วไป เครื่องมือตัดเหล็กที่พบเป็นหัวตัดที่ใช้ลมออกซิเยน กับแบตเตอรี ที่ใช้กับรถยนต์ทั่วไป ซึ่งไม่มีควัน และเปลวไฟ ที่ไปทำอันตรายทรัพย์สินที่ต้องการ ซึ่งจะเห็นจากหนังจารกรรมของต่างชาติ
และจากการสอบปากคำผู้ต้องหา น่าเชื่อว่า เป็นแก๊งอาญากรข้ามชาติ ซึ่งจะเร่งประสาน ตม.สกัดเส้นทางหลบหนีของคนร้ายที่หลบหนีไปได้ และประสานประเทศมาเลเซีย ขอละเอียดเพิ่มเติมว่าทั้งหมดเคยก่อคดีมาบ้างหรือไม่
โดยล่าสุด พบว่า คนร้ายเคยก่อคดีลักษณะเดียวกันที่จังหวัดนนทบุรี และเชื่อว่า มีคนไทยร่วมขบวนการด้วย พร้อมระบุว่า ขณะนี้ประเทศเป็นที่น่าห่วงเนื่องจากตกเป็นเป้าของอาชญากรข้ามชาติ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลก
ขณะที่ นายพิชิต วิริยากุลภัทร เจ้าของห้างทองผู้เสียหาย ได้เดินทางมาชี้ตัวยืนยันผู้ต้องหา 2 ราย เนื่องจากก่อนเกิดเหตุเพียง 3 วัน ผู้ต้องหาได้นำเงินสกุลดอลลาร์ ทำทีไปขอแลกเงินบาทไทยที่ร้านของตนเอง