นครศรีธรรมราช – เกิดเหตุน้องเขยข่มขืนหลานสาวที่เรียนอยู่ ป.5 ที่อำเภอทุ่งใหญ่ นครศรีธรรมราช จนป้าสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ส่วนหลานสาวอีกคนที่อยู่ ชั้น ป.6 ก็ถูกกระทำเช่นเดียวกัน จึงเข้าร้องเรียนผ่านสื่อเพื่อติดต่อ “มูลนิธิปวีณา” เข้าช่วยเหลือ เพราะเกรงกลัวอิทธิพลญาติของน้องเขยที่เป็นถึงนักการเมืองใหญ่ระดับชาติ
วันนี้ (5 ต.ค.) นางขวัญ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี อยู่ ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นางดา (นามสมมติ) อายุ 43 ปี น้องสาวคนที่ 2 และนางมะลิ อายุ 32 ปี น้องสาวคนที่ 5 เดินทางเข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว และขอให้เป็นทางผ่านในการประสานงานกับมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อขอความช่วยเหลือให้กับหลานสาว 2 คน ที่ถูกน้องเขยข่มขืนกระทำชำเรา ตั้งแต่ระดับระดับอนุบาล–ป.6 จนกระทั่งหลานสาวซึมไม่พูดไม่จาและขอให้นางปวีณา หงสกุล หรือมูลนิธิปวีณาให้ลงมาช่วยเหลือเด็ก เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของน้องเขย เนื่องจากน้องเขยเป็นหลานชายของนักการเมืองระดับชาติรายหนึ่งซึ่งมีตำแหน่งใหญ่โตในรัฐบาลชุดนี้
นางขวัญ กล่าวว่า น้องสาวทั้ง 2 คนอาศัยอยู่ที่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ปลูกบ้านอยู่ติดๆดัน ซึ่งทั้งคู่มีอาชีพรับจ้าง ส่วนน้องสาวคนที่ 3 คือ นางวรรณ อาศัยอยู่ในสวนยางซึ่งห่างจากบ้านของน้องสาวทั้ง 2 คน ตามปกติ นางวรรณ มักจะมารับลูกสาวของน้องสาวทั้ง 2 คน ไปนอนที่บ้าน เพื่อให้หลานสาวของตนอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวนางวรรณ ช่วงที่นางวรรณ และสามีออกไปกรีดยางในช่วงเช้ามืด
นางขวัญ กล่าวต่อว่า หลังจากที่น้องเขยกลับจากกรีดยางช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.จะกลับเข้ามานอนในห้อง โดยมีหลานสาวที่อยู่ ป.5 นอนอยู่ในห้อง น้องเขยได้เอามือมาสะกิดให้หลานสาวตื่น เปิดกระโปรง เปิดเสื้อหลานสาว ลงมือข่มขืนกระทำชำเรากับหลานสาวที่อยู่ ป.5 ซึ่งโตเป็นสาวกว่าวัย และทราบว่า มีการกระทำเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งหลานคนนี้ประจำเดือนไม่มา 2 เดือนแล้ว ทำให้ตนรู้สึกเป็นห่วงอย่างมากเกรงว่าหลานคนนี้จะตั้งครรภ์ ส่วนหลานสาวอีกคนที่อยู่ ชั้น ป.6 ถูกกระทำเช่นเดียวกัน แต่เกิดเหตุการณ์เมื่อตอนช่วงที่อยู่ ป.1หรือกว่า 5 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นน้องสาวได้พาหลานสาว ป.6 คนนี้หนีไปอยู่ที่บ้านย่า
“ฉันได้บอกให้น้องสาวทั้ง 2 คน อย่าเพิ่งทำอะไร ฉันจะไม่ให้เด็กทั้ง 2 พูดอะไรกับใครเด็ดขาด ต้องการขอความช่วยเหลือให้คุณปวีณา หงสกุล หรือเจ้าหน้าที่ในมูลนิธิปวีณาลงมาติดตามให้การช่วยเหลือหลานสาวทั้ง 2 คน เนื่องจากครอบครัวของน้องสาวยากจน
ส่วนญาติฝ่ายน้องเขยได้ติดต่อขอเจรจาเพื่อจ่ายเงินให้ ญาติของน้องเขยก็โทร.มาข่มขู่จะฟ้องร้องพวกเรา บอกกับพวกเราว่าตอนนี้เคลียกับตำรวจหมดแล้ว ไม่มีทางต่อสู้ ตนจึงต้องหันมาพึ่งผู้สื่อข่าวเพื่อให้สื่อเป็นตัวกลางในการประสานให้ฉันและหลานสาวได้พบกับคุณปวีณา เพราะเชื่อมูลนิธิปวีณาจะให้การช่วยเหลือครอบครัวของตนและน้องสาวได้ ลำพังฉันและน้องสาวไม่มีกำลังที่จะต่อสู้กับญาติของน้องเขยได้ เพราะตระกูลของน้องเขยเป็นตระกูลของนักการเมืองระดับชาติ ฉันกลัวจริงๆ ไม่มีใครสู้กับตระกูลนักการเมืองใหญ่ได้เท่ากับคุณปวีณาอีกแล้ว วอนคุณปวีณาลงมาช่วยพวกเราด้วย” นางขวัญ กล่าว
นางขวัญ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ให้ครอบครัวของน้องสาวทั้ง 2 คน ออกมาจากทุ่งใหญ่ มาแล้วมาพักอยู่ในที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง และรอจนกว่าคุณปวีณาจะลงมา และทางผู้สื่อข่าวได้ประสานจนสามารถติดต่อไปยังเลขาคุณปวีณา แล้วบอกว่าวันพรุ่งนี้ให้ตนติดต่อมาใหม่ ตนจึงเดินทางมาวอนสื่อช่วยติดต่อคุณปวีณาอีกครั้งหนึ่งด้วย เงินที่เขาจะนำมาให้มันไม่คุ้มกับความสูญเสียของหลานสาว จิตใจของหลานสาวเวลานี้หดหู่มาก นั่งดีๆก็หัวเราะขึ้นมา บางครั้งไม่พูดไม่จา หลานถูกกระทำมาตลอด เราไม่รู้ว่าเด็กเงียบเพราะเด็กถูกกดดัน เราไม่ต้องการเงินเราต้องการเอาคนผิดมาลงโทษ แม้กระทั่งกับหลานสาวกับเด็กยังทำได้
วันนี้ (5 ต.ค.) นางขวัญ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี อยู่ ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นางดา (นามสมมติ) อายุ 43 ปี น้องสาวคนที่ 2 และนางมะลิ อายุ 32 ปี น้องสาวคนที่ 5 เดินทางเข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว และขอให้เป็นทางผ่านในการประสานงานกับมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อขอความช่วยเหลือให้กับหลานสาว 2 คน ที่ถูกน้องเขยข่มขืนกระทำชำเรา ตั้งแต่ระดับระดับอนุบาล–ป.6 จนกระทั่งหลานสาวซึมไม่พูดไม่จาและขอให้นางปวีณา หงสกุล หรือมูลนิธิปวีณาให้ลงมาช่วยเหลือเด็ก เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของน้องเขย เนื่องจากน้องเขยเป็นหลานชายของนักการเมืองระดับชาติรายหนึ่งซึ่งมีตำแหน่งใหญ่โตในรัฐบาลชุดนี้
นางขวัญ กล่าวว่า น้องสาวทั้ง 2 คนอาศัยอยู่ที่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ปลูกบ้านอยู่ติดๆดัน ซึ่งทั้งคู่มีอาชีพรับจ้าง ส่วนน้องสาวคนที่ 3 คือ นางวรรณ อาศัยอยู่ในสวนยางซึ่งห่างจากบ้านของน้องสาวทั้ง 2 คน ตามปกติ นางวรรณ มักจะมารับลูกสาวของน้องสาวทั้ง 2 คน ไปนอนที่บ้าน เพื่อให้หลานสาวของตนอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวนางวรรณ ช่วงที่นางวรรณ และสามีออกไปกรีดยางในช่วงเช้ามืด
นางขวัญ กล่าวต่อว่า หลังจากที่น้องเขยกลับจากกรีดยางช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.จะกลับเข้ามานอนในห้อง โดยมีหลานสาวที่อยู่ ป.5 นอนอยู่ในห้อง น้องเขยได้เอามือมาสะกิดให้หลานสาวตื่น เปิดกระโปรง เปิดเสื้อหลานสาว ลงมือข่มขืนกระทำชำเรากับหลานสาวที่อยู่ ป.5 ซึ่งโตเป็นสาวกว่าวัย และทราบว่า มีการกระทำเช่นนี้เรื่อยมาจนกระทั่งหลานคนนี้ประจำเดือนไม่มา 2 เดือนแล้ว ทำให้ตนรู้สึกเป็นห่วงอย่างมากเกรงว่าหลานคนนี้จะตั้งครรภ์ ส่วนหลานสาวอีกคนที่อยู่ ชั้น ป.6 ถูกกระทำเช่นเดียวกัน แต่เกิดเหตุการณ์เมื่อตอนช่วงที่อยู่ ป.1หรือกว่า 5 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นน้องสาวได้พาหลานสาว ป.6 คนนี้หนีไปอยู่ที่บ้านย่า
“ฉันได้บอกให้น้องสาวทั้ง 2 คน อย่าเพิ่งทำอะไร ฉันจะไม่ให้เด็กทั้ง 2 พูดอะไรกับใครเด็ดขาด ต้องการขอความช่วยเหลือให้คุณปวีณา หงสกุล หรือเจ้าหน้าที่ในมูลนิธิปวีณาลงมาติดตามให้การช่วยเหลือหลานสาวทั้ง 2 คน เนื่องจากครอบครัวของน้องสาวยากจน
ส่วนญาติฝ่ายน้องเขยได้ติดต่อขอเจรจาเพื่อจ่ายเงินให้ ญาติของน้องเขยก็โทร.มาข่มขู่จะฟ้องร้องพวกเรา บอกกับพวกเราว่าตอนนี้เคลียกับตำรวจหมดแล้ว ไม่มีทางต่อสู้ ตนจึงต้องหันมาพึ่งผู้สื่อข่าวเพื่อให้สื่อเป็นตัวกลางในการประสานให้ฉันและหลานสาวได้พบกับคุณปวีณา เพราะเชื่อมูลนิธิปวีณาจะให้การช่วยเหลือครอบครัวของตนและน้องสาวได้ ลำพังฉันและน้องสาวไม่มีกำลังที่จะต่อสู้กับญาติของน้องเขยได้ เพราะตระกูลของน้องเขยเป็นตระกูลของนักการเมืองระดับชาติ ฉันกลัวจริงๆ ไม่มีใครสู้กับตระกูลนักการเมืองใหญ่ได้เท่ากับคุณปวีณาอีกแล้ว วอนคุณปวีณาลงมาช่วยพวกเราด้วย” นางขวัญ กล่าว
นางขวัญ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ให้ครอบครัวของน้องสาวทั้ง 2 คน ออกมาจากทุ่งใหญ่ มาแล้วมาพักอยู่ในที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง และรอจนกว่าคุณปวีณาจะลงมา และทางผู้สื่อข่าวได้ประสานจนสามารถติดต่อไปยังเลขาคุณปวีณา แล้วบอกว่าวันพรุ่งนี้ให้ตนติดต่อมาใหม่ ตนจึงเดินทางมาวอนสื่อช่วยติดต่อคุณปวีณาอีกครั้งหนึ่งด้วย เงินที่เขาจะนำมาให้มันไม่คุ้มกับความสูญเสียของหลานสาว จิตใจของหลานสาวเวลานี้หดหู่มาก นั่งดีๆก็หัวเราะขึ้นมา บางครั้งไม่พูดไม่จา หลานถูกกระทำมาตลอด เราไม่รู้ว่าเด็กเงียบเพราะเด็กถูกกดดัน เราไม่ต้องการเงินเราต้องการเอาคนผิดมาลงโทษ แม้กระทั่งกับหลานสาวกับเด็กยังทำได้
