ภูเก็ต - “ลูกวาฬบลูดา” น้ำหนักกว่า 500 กิโลกรัม สังเวยเศษอวนในทะเลชาวบ้านนำส่งสถานบันวิจัยฯตรวจสอบ
วันนี้ (4 ต.ค) ที่บริเวณลานซิเมนต์หน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน จ.ภูเก็ต นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ นักวิชาการประมงประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบซากวาฬขนาดใหญ่ซึ่งเครือข่ายชาวประมงนำมาส่งให้กับทางสถาบันวิจัย หลังพบซากวาฬดังกล่าวใกล้กับเกาะนก บริเวณเกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (3 ก.ย) ซึ่งขณะที่พบนั้นมีเศษอวนขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 6 เมตร ตาห่าง 12 เซนติเมตร รัดอยู่ที่บริเวณปากและลำตัววาฬ
นายก้องเกียรติกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าวาฬตัวดังกล่าวเป็นวาฬบลูดา ซึ่งเป็นวาฬขนาดใหญ่เพศเมีย อายุประมาณ 1-3 เดือน น้ำหนักกว่า 500 กิโลกรัม ยาว 4 เมตร 50 เซนติเมตร รอบลำตัว 172 เซนติเมตร ตรวจสอบบริเวณปากถูกเศษอวนรัดจนเป็นแผลลึกทั้ง 2 ข้าง และมีเศษอวนติดมากับลำตัว ส่วนบริเวณร่างกายไม่พบบาดแผลอื่นๆ และคาดว่าสาเหตุที่ทำให้วาฬบลูด้าตัวดังกล่าวตายน่าจะเกิดจากเศษอวดที่รัดติดมาโดยเฉพาะที่บริเวณปากทำให้ไม่สามารถกินอาหารได้ ซึ่งวันนี้ (4 ต.ค) เจ้าหน้าที่จะทำการผ่าซากเพื่อหาสาเหตุการตายของวาฬตัวดังกล่าวอีกครั้ง
สำหรับวาฬบลูดานั้นเป็นชนิดที่พบได้ทั้งฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน ส่วนใหญ่จะหากินในทะเลลึกยกเว้นเวลาคลอดลูกที่จะว่ายน้ำเข้ามาคลอดลูกที่บริเวณชายฝั่งและหากินอยู่บริเวณชายฝั่งหลังจากโตก็จะว่ายน้ำกลับสู่ทะเลลึก และวาฬที่พบนั้นคาดว่าจะอพยพหากินอยู่ในทะเลอันดามัน อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาจะพบวาฬแรกเกิดชนิดต่างเสียชีวิตจำนวนมากโดยเฉพาะช่วงปลายปีที่มีคลื่นลมแรง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากฝีมือมนุษย์
นายก้องเกียรติกล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่พบสัตว์ทะเลชนิดต่างๆตายและเกยตื่นมากในช่วงนี้เนื่องจากในทะเลมีคลื่นลมแรงสัตว์ที่ตายอยู่ในทะเลหรือได้รับบาดเจ็บจึงมักถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่งซึ่งก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ก้ได้รับซากพะยูนมาตรวจสอบจำนวน 1 ตัว และวันนี้เป็นซากวาฬ นอกจากนั้นยังมีซากโลมา และเต่าอีกจำนวนหลายตัว ซึ่งสาเหตุที่ทำให้สัตว์เหล่านี้ตายก็มีทั้งติดอวนของชาวประมง ติดเศษอวนที่ลอยอยู่ในทะเล กินเศษเชือกและถึงพลาสติก ซึ่งมองว่าสถานการณ์สัตว์ทะเลเหล่านี้น่าเป็นห่วงเพราะสาเหตุการณ์ตายส่วนใหญ่เกิดจากคน การเจ็บป่วยตามธรรมชาติที่พบนั้นมีจำนวนน้อยมาก