ระนอง - ผู้ประกอบการการร้านคาราโอเกะเพลงพม่า ยื่นหนังสือเรียกร้องขอผ่อนผันการเปิดเพลงคาราโอเกะพม่า เนื่องจากไม่สามารถหาเพลงที่มีลิขสิทธิ์ได้ หลังถูกจับกุม
วันนี้ (23 ก.ย.) กลุ่มผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะเพลงพม่า จากหมู่ที่ 1 และ 2 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง ประมาณ 50 คน นำโดย นายณรงค์ เพ็ญพักต์ และ นายขวัญชัย นาคพิพัฒน์ ผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะ เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดระนอง เพื่อยื่นหนังสือขอผ่อนผันไม่ให้เจ้าหน้าที่จับกุมร้านคาราโอเกะเพลงพม่า ตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 โดยมี นางสาวจิตรา พรมชุติมา รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้รับเรื่อง พร้อมทั้งได้ประชุมร่วมกับตัวแทนผู้ประกอบการจำนวน 5 คน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งวัฒนธรรมจังหวัด ป้องกันจังหวัด ตำรวจภูธร และด่านศุลกากร
นายณรงค์ เพ็ญพักต์ กล่าวว่า แผ่นเพลงคาราโอเกะพม่า ที่นำมาเปิดนั้นให้บริการเฉพาะชาวพม่าเท่านั้น ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วเพลงดังกล่าวไม่มีลิขสิทธิ์ เนื่องจากไม่มีตัวแทนนำเข้ามา แต่ผู้ประกอบการหาซื้อแผ่นวีซีดีคาราโอเกะมาจากจังหวัดเกาะสอง และในพื้นที่จังหวัดระนองที่วางขายอยู่ทั่วไป จึงอยากเรียกร้องให้ทางการช่วยผ่อนผันการจับกุม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถประกอบอาชีพต่อไปจนกว่าจะได้ข้อยุติ
นายพิชัยยุทธ สิงห์สหาย นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดระนอง ชี้แจงว่า หลังจากที่ทางจังหวัดได้ประชุมชี้แจงเกี่ยวกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 ได้มีการผ่อนผันให้ผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะเพลงพม่า เป็นเวลา 60 วัน ในการปรับปรุง ซึ่งจะครบในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ ซึ่งร้านคาราโอเกะที่นำเพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาเปิดให้บริการจะไม่สามารถออกและต่อใบอนุญาตให้ได้ เพราะผิดกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาตและการประกอบวีดีทัศน์ พ.ศ.2551
นางสาวจิตรา กล่าวว่า หลังได้รับฟังปัญหาจากทุกฝ่ายแล้ว มีข้อสรุปร่วมกันว่าเบื้องต้นได้ให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดระนอง ทำหนังสือหารือไปยังกระทรวงวัฒนธรรมถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งให้กระทรวงหาทางออกในเรื่องดังกล่าวมาให้ด้วย
พร้อมทั้งให้ทำหนังสือถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง เพื่อแจ้งถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ให้ชะลอการจับกุมจนกว่าจะได้รับคำตอบและการแก้ไขจากกระทรวงวัฒนธรรม ในส่วนผู้ประกอบการให้รีบไปปรึกษากับพาณิชย์จังหวัด ถึงเรื่องการแจ้งเป็นตัวแทนจำหน่ายหรือลิขสิทธิ์ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ ในระหว่างที่รอคำตอบจากกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งได้สร้างพอใจให้กับทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้ประกอบ จึงได้แยกย้ายกันกลับบ้านอย่างสงบ