เปิด “หง่อคาขี่” เชื่อมทางเดินถนนถลางหวังดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - มูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ตจับมือเทศบาลนครภูเก็ตเปิดทางเดินอาคาร หรือ “หง่อคาขี่” ของอาคารบนถนนถลาง เพื่อเชื่อมทางเดินอาคารให้ทะลุถึงกันทั้งสาย หวังดันถนนถลางเป็นแหล่งท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า ดึงนักท่องเที่ยวเข้าเมืองทำเศรษฐกิจตัวเมืองเติบโต

วันนี้ (16 ก.ย.) ที่บริเวณถนนถลาง ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต มูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ต ร่วมกับเทศบาลนครภูเก็ต และชุมชนย่านเมืองเก่าถนนถลาง ทำพิธีเปิดทางเดินอาคาร หรือ “หง่อคาขี่” โดยมีนายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน พร้อมด้วยนางสาวสมใจ สุวรรณสุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต นายแพทย์ประสิทธิ์ โกยศิริพงษ์ ประธานมูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ต เจ้าของอาคารและประชาชนบนถนนถลางเข้าร่วม

โดยหง่อคาขี่ที่เปิดเชื่อมต่อเป็นทางเดินกับอาคารหลังอื่นๆในครั้งนี้นั้น มีด้วยกัน 4 หลัง ประกอบด้วย ร้านเส้งโห้ร้านอมรพรรณ ร้านทองประยูร และร้านขายผ้าโตราคาน ดำเนินการโดยทางมูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ต ได้รับการสนับสนุนงบประมาณการดำเนินการจากเทศบาลนครภูเก็ต ซึ่งก่อนหน้านี้ทางมูลนิธิฯและเทศบาลฯได้เปิดทางเดินอาคารดังกล่าวมาแล้ว 4 หลัง และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเจ้าของอาคารบนถนนถลาง

นายแพทย์ประสิทธิ์ โกยศิริพงษ์ ประธานมูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ต กล่าวว่า การเปิดทางเดินอาคาร หรือ หง่อคาขี่นั้น เพราะหง่อคาขี่ไม่ใช่เป็นเพียงทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่างอาคารเท่านั้น แต่หง่อคาขี่เป็นการสร้างปฎิสัมพันธ์ของคนในย่านชุมชนบนถนนถลาง ที่สามารถเดินติดต่อกันได้ตลอดทั้งถนนไม่ว่าจะเป็นช่วงฝนตกหรือแดดออก เนื่องจากหง่อคาขี่เป็นทางเดินอาคารที่มีหลังคา รวมทั้งเป็นการทำให้คนรุ่นหลังและนักท่องเที่ยวได้มองเห็นวิถีชีวิตและความเป็นมาของธุรกิจบนถนนถลาง

พร้อมทั้งเป็นการสร้างเสน่ห์ให้กับถนนถลางเป็นอย่างมาก เพราะหง่อคาขี่ที่ถนนถลางมีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งจุดนี้คิดว่าจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในบริเวณย่านเมืองเก่าที่ถนนถลางได้มากขึ้น

เพราะถนนถลางถือว่าเป็นชุปเปอร์มาร์เก็ตเปิดขนาดใหญ่ ที่มีสินค้าจำหน่ายทุกประเภท ทั้ง เครื่องมือการทำประมง โรงพิมพ์ ร้านขายผ้า ร้านอาหาร อุปกรณ์ภายในบ้าน รวมไปถึงร้านหมอ เนื่องจากถนนถลางเคยเป็นย่านการค้าที่รุ่งเรื่องมากในยุคทองของเหมืองแร่ และเมื่อการท่องเที่ยวเข้ามาแทนที่และมีย่านการค้าแห่งใหม่เกิดขึ้น ทำให้การค้าบนถนนถลางซบเซาลงไป ความคึกคักบนถนนถลางก็หายไป

แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันก็ยังมีคนมาซื้อสินค้าบนถนนถลางอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าจะไม่คึกคักเหมือนในสมัยที่เหมืองแร่รุ่งเรืองก็ตาม ทำให้เจ้าของบ้านหรือผู้เช่าอาคารบางรายทำการปิดหง่อคาขี่ เพื่อความเป็นส่วนตัว

ทางมูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ตและเทศบาลนครภูเก็ตได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเปิดหง่อคาขี่ขึ้นใหม่ จึงได้ดำเนินการโครงการเปิดหง่อคาขี่ขึ้นมา ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากเจ้าของอาคารเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างเสน่ห์ให้กับถนนถลางแล้ว สิ่งที่ตามมาคือเศรษฐกิจของถนนถลางจะดีขึ้น เพราะทั้งมูลนิธิฯและเทศบาลฯต้องการที่จะผลักดันให้ถนนถลางเป็นแหล่งท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า ดึงนักท่องเที่ยวจากชายหาดให้เข้ามาท่องเที่ยวในตัวเมืองภูเก็ตเพื่อทำให้เศรษฐกิจในเมืองภูเก็ตกลับมาคึกคัก

นายแพทย์ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดหง่อคาขี่นั้น ก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการไปแล้ว 4 หลัง และดำเนินการในวันนี้อีก 4 หลัง เหลืออีกประมาณ 20 หลัง ที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งทั้ง 20 หลังนั้น เจ้าของบ้านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการเปิดหง่อคาขี่บนถนนถลางทั้งหมดในอีก 1-2 ปี และจะขยายไปยังถนนอื่นๆอีก เช่น ถนนกระบี่ ถนนเยาวราช บางส่วน

ขณะที่นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวว่า เทศบาลเมืองภูเก็ตมีเป้าหมายที่จะทำให้ถนนถลางเป็นแหล่งท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า ซึ่งนอกจากการร่วมกับมูลนิธิเมืองเก่าภูเก็ตเปิดหง่อคาขี่แล้ว ทางเทศบาลฯยังได้ร่วมกับการไฟฟ้าจัดทำโครงการนำเคเบิ้ลไฟฟ้าลงดิน ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเมื่อทั้ง 2 โครงการนี้แล้วเสร็จ คาดว่าถนนถลางจะมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น เพราะสองข้างถนนถลางมีอาคารสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่สวยงาม และยังคงความสวยงามมาจนถึงปัจจุบัน และมีร้านค้าจำนวนมากที่จำหน่ายสินค้าหลากหลาย จึงทำให้ถนนถลางเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรื่องในอดีตที่ผ่านมา การมีน้ำใจของคนในอดีต ถนนถลางเรียกได้ว่าเป็นถนน 3 วัฒนธรรม

“เทศบาลหวังมากว่านักท่องเที่ยวจากที่อื่นๆ ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจะได้เข้ามาท่องเที่ยวและเห็นถึงความสวยงามของถนนถลางบ้างจากที่เคยท่องเที่ยวอยู่ที่ชายหาด ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาในเมืองมากขึ้นก็จะทำให้เศรษฐกิจของตัวเมืองภูเก็ตดีขึ้นตามไปด้วย” นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวในที่สุด