อดีตประธาน คมช.เผยมีแนวโน้มสนใจลงเล่นการเมือง แต่ไม่ตั้งพรรคเอง พร้อมร่วมงานกับพรรคที่มีนโยบายใกล้เคียงกัน เน้นบุคคลที่เข้ามาทำงานการเมืองต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญถึงเวลาแก้มาตราใดก็ต้องแก้ แต่จะต้องถามความเห็นประชาชนก่อน
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวในโอกาสมาเยี่ยมผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่จังหวัดพังงา และภูเก็ต ในช่วงถือศีลอดหรือเดือนรอมฏอน และถึงประเด็นการจัดตั้งพรรคการเมืองว่า การตั้งพรรคการเมืองมีปัจจัยหลายอย่าง ขณะนี้คงยังไม่สะดวก แต่อาจจะเข้าร่วมกับพรรคที่มีนโยบายใกล้เคียงกัน นำนโยบายไปเสริม ถ้าพรรคนั้นรับได้ก็จะไปอยู่กับเขา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองมีความขัดแย้งสูง คิดว่าหากจะเล่นการเมือง เข้าไปอยู่กับพรรคการเมืองไหน จะต้องไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เป็นพรรคที่เป็นที่พึ่งของประชาชน ทำอย่างไรให้บ้านเมืองหันกลับมามีความรักความสามัคคี ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง และไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน
ฉะนั้น หากลงเล่นการเมือง นโยบายของตัวเองนั้น บุคคลที่จะเข้ามาทำงานการเมืองและบุคคลในพรรค ต้องมีความชื่อสัตย์สุจริต ที่สำคัญต้องมีคุณธรรมจริยธรรม ไม่อย่างนั้น บ้านเมืองของเราคงลำบาก ซึ่งนโยบาย 3 เรื่อง เป็นจุดสำคัญหากมีโอกาสลงการเมือง นอกจากนี้อีกเรื่องที่เร่งด่วน คือ การแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนยุทธศาสตร์นโยบายระดับประเทศไม่ว่าเรื่องการศึกษาหรือเรื่องอื่นๆ ค่อยว่ากันอีก ซึ่งนโยบายเฉพาะหน้าคงเป็น 3-4 เรื่องนี้ หากพรรคใดสามารถคุยกันรู้เรื่องจะตัดสินใจร่วมพรรคด้วยทันที
พล.อ.สนธิ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ตนเองเห็นด้วยหากมีการแก้ไข เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมีการใช้มาพอสมควร มาตรการใดที่เห็นว่าสมควรแก้ไขก็ควรแก้ แต่ต้องขอมติประชาชน ประชาชนต้องมีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลง ส่วนความขัดยังของกลุ่มเสื้อสีต่างๆ นั้น คิดว่าประชาชนทุกคนมีความรู้สึกไม่แตกต่างกันที่เห็นคนไทยแตกแยก ฉะนั้นคนที่ทำให้จบได้คือแกนนำ หากแกนนำเห็นว่าถึงเวลาแล้ว พอแล้ว ทุกเรื่องก็จบได้
