นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าโดยปกติเรื่องจะไม่มาถึงตน เพราะได้มอบหมายให้นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม และการฎีกาทั้งหมด ถ้าเรื่องมาถึงก็จะไปถึงที่นายสุเทพ และต้องส่งให้กระทรวงยุติธรรมไปดำเนินการ
ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำกลุ่มนปช. ขู่ว่าจะออกมาเคลื่อนไหว หากรัฐบาลขัดขวางฎีกา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทำไมจะไปขัดขวาง
"ทำไมประชาชนคนอื่นที่เขาเดือดร้อน และครอบครัวเขา เขียนอะไรมา และไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เขาฎีกามาก็ใช้เวลา 60 วัน แล้วคุณจตุพรทำไมจะต้องมีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น และคนอื่นก็ไม่ต่ำกว่า 60 วันด้วย 60วันถือว่าเร็ว เพราะต้องมีการตรวจสอบอันนี้เป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ากล่าวเท็จ ต่อสาธารณะ อย่าบิดเบือน เพราะขณะนี้ไม่มีอะไรเลยที่ไปขัดขวาง และผมได้บอกกับทุกคนที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการว่า ปฏิบัติตามปกติ ปฏิบัติกับกรณีอื่นเช่นใด ก็ขอให้ปฏิบัติกับกรณีนี้เช่นนั้น" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทั้งนี้ นายจตุพร เป็นผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวมาโดยมีเงื่อนไข ไม่ให้ออกมาปลุกปั่น จึงอยากจะเตือนนายจตุพรในเรื่องนี้ด้วย
"ผมได้ฟ้องไป 2 คดีแล้ว ที่กล่าวเท็จเกี่ยวกับผม ซึ่งความจริงมากว่า 2 เรื่อง แต่มันจำเป็นเพราะไม่ยอมหยุด ฉะนั้นอย่าได้กล่าวเท็จต่อ และอยากให้ประชาชนใช้ดุลยพินิจหน่อย ที่กล่าวเท็จใส่ร้ายผมมากี่ครั้งๆ และต่อมาพิสูจน์ว่าไม่จริง ก็ไม่เคยมีความรู้สึกว่าจะหยุดพฤติกรรม" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักการเมืองต่อความรับผิดชอบที่ควรจะมีต่อสังคม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่านักการเมืองแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้รับรายงานจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้วว่า ได้มีการส่งฎีกามาถึงแล้ว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ไป ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะจัดส่งให้กระทรวงยุติธรรมต่อไป ในกรณีที่ดูแล้วเป็นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ
"รัฐบาลไม่มีเจตนาที่ไปไปถ่วงรั้งอะไร ทุกอย่างก็ว่าไปตามปกติ ตามกฎหมายธรรมดา ซึ่งต้องใช้เวลาตามปกติอยู่แล้ว ส่วนชุมนุมใหญ่หรือไม่ชุมนุมใหญ่ ผมว่าอย่าใช้วิธีการอย่างนี้เลย เพราะว่าทุกอย่างว่าไปตามกฎหมาย" นายสาทิตย์กล่าว และว่า หลังจากได้ข้อสรุปแล้ว กระทรวงยุติธรรมจะถวายคำแนะนำอย่างไร ก็จะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อของรัฐให้ทราบ
**ขู่ถอดถอนนายกฯหากยื้อฎีกา
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 60 วันในการพิจารณาถวายความเห็นประกอบฎีกา ว่า แถลงการณ์ของสำนักราชเลขาธิการ ระบุชัดว่า หน้าที่รัฐบาลคือ การถวายความเห็นประกอบไม่มีสิทธิยับยั้ง การที่รัฐบาลพยายามดึงเรื่อง รวมทั้งพูดทำนองว่า ฎีกาไม่เข้าหลักเกณฑ์ก็จบนั้น มันไม่ใช่หน้าที่ หากรัฐบาลตั้งใจจะหาเรื่องกับกลุ่มคนเสื้อแดง ด้วยการดึง หรือระงับฎีกา เราก็จะหาเรื่องรัฐบาล และนายอภิสิทธิ์ ด้วยการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะได้รู้ว่าคนที่ไม่ชอบนายอภิสิทธิ์ มีจำนวนมากขนาดไหน
**ต้องชี้แจงให้ปชช.เข้าใจขั้นตอนฎีกา
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ประชาชนทุกคน ล้วนเป็นพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะฉะนั้นการที่จะดำเนินการอะไร มีหลักการ มีขั้นตอนอยู่ เราต้องพยายามทำให้ทุกคนเข้าใจหลักการมากกว่าที่จะไปแบ่งว่า ใครเป็นใคร แบ่งเป็นฝ่าย ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อประเทศชาติ กองทัพก็พยายามชี้แจงในส่วนของกองทัพว่า ขั้นตอนต่างๆ มีขั้นตอน และเมื่อทำไปแล้วจะเกิดผลกระทบอย่างไร อยากให้สื่อช่วยกันสร้างความเข้าใจกับคนในชาติว่า เรื่องนี้จะทำได้หรือไม่ได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการอยู่ ยังยืนยันที่จะชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจได้
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช. และอดีต ผบ.ทบ. กล่าวว่า เรื่องนี้มีขั้นตอนอยู่ ว่าต้องทำอย่างไร ตนเองก็ไม่แน่ใจ ไม่มีความเข้าใจตรงจุดนี้ คิดฝ่ายกฎหมายคงดำเนินการไปด้วยความเป็นธรรม และเชื่อว่าสถานการณ์หลังจากนี้ น่าจะเบาบางลง เพราะว่าขั้นตอนในส่วนหนึ่งที่ผ่านไป ถือว่ามีความสำคัญ
ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำกลุ่มนปช. ขู่ว่าจะออกมาเคลื่อนไหว หากรัฐบาลขัดขวางฎีกา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทำไมจะไปขัดขวาง
"ทำไมประชาชนคนอื่นที่เขาเดือดร้อน และครอบครัวเขา เขียนอะไรมา และไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เขาฎีกามาก็ใช้เวลา 60 วัน แล้วคุณจตุพรทำไมจะต้องมีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น และคนอื่นก็ไม่ต่ำกว่า 60 วันด้วย 60วันถือว่าเร็ว เพราะต้องมีการตรวจสอบอันนี้เป็นเรื่องปกติ ฉะนั้นขอความกรุณาอย่ากล่าวเท็จ ต่อสาธารณะ อย่าบิดเบือน เพราะขณะนี้ไม่มีอะไรเลยที่ไปขัดขวาง และผมได้บอกกับทุกคนที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการว่า ปฏิบัติตามปกติ ปฏิบัติกับกรณีอื่นเช่นใด ก็ขอให้ปฏิบัติกับกรณีนี้เช่นนั้น" นายอภิสิทธิ์กล่าว
ทั้งนี้ นายจตุพร เป็นผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวมาโดยมีเงื่อนไข ไม่ให้ออกมาปลุกปั่น จึงอยากจะเตือนนายจตุพรในเรื่องนี้ด้วย
"ผมได้ฟ้องไป 2 คดีแล้ว ที่กล่าวเท็จเกี่ยวกับผม ซึ่งความจริงมากว่า 2 เรื่อง แต่มันจำเป็นเพราะไม่ยอมหยุด ฉะนั้นอย่าได้กล่าวเท็จต่อ และอยากให้ประชาชนใช้ดุลยพินิจหน่อย ที่กล่าวเท็จใส่ร้ายผมมากี่ครั้งๆ และต่อมาพิสูจน์ว่าไม่จริง ก็ไม่เคยมีความรู้สึกว่าจะหยุดพฤติกรรม" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักการเมืองต่อความรับผิดชอบที่ควรจะมีต่อสังคม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่านักการเมืองแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้รับรายงานจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้วว่า ได้มีการส่งฎีกามาถึงแล้ว ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ไป ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะจัดส่งให้กระทรวงยุติธรรมต่อไป ในกรณีที่ดูแล้วเป็นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ
"รัฐบาลไม่มีเจตนาที่ไปไปถ่วงรั้งอะไร ทุกอย่างก็ว่าไปตามปกติ ตามกฎหมายธรรมดา ซึ่งต้องใช้เวลาตามปกติอยู่แล้ว ส่วนชุมนุมใหญ่หรือไม่ชุมนุมใหญ่ ผมว่าอย่าใช้วิธีการอย่างนี้เลย เพราะว่าทุกอย่างว่าไปตามกฎหมาย" นายสาทิตย์กล่าว และว่า หลังจากได้ข้อสรุปแล้ว กระทรวงยุติธรรมจะถวายคำแนะนำอย่างไร ก็จะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อของรัฐให้ทราบ
**ขู่ถอดถอนนายกฯหากยื้อฎีกา
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 60 วันในการพิจารณาถวายความเห็นประกอบฎีกา ว่า แถลงการณ์ของสำนักราชเลขาธิการ ระบุชัดว่า หน้าที่รัฐบาลคือ การถวายความเห็นประกอบไม่มีสิทธิยับยั้ง การที่รัฐบาลพยายามดึงเรื่อง รวมทั้งพูดทำนองว่า ฎีกาไม่เข้าหลักเกณฑ์ก็จบนั้น มันไม่ใช่หน้าที่ หากรัฐบาลตั้งใจจะหาเรื่องกับกลุ่มคนเสื้อแดง ด้วยการดึง หรือระงับฎีกา เราก็จะหาเรื่องรัฐบาล และนายอภิสิทธิ์ ด้วยการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะได้รู้ว่าคนที่ไม่ชอบนายอภิสิทธิ์ มีจำนวนมากขนาดไหน
**ต้องชี้แจงให้ปชช.เข้าใจขั้นตอนฎีกา
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ประชาชนทุกคน ล้วนเป็นพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะฉะนั้นการที่จะดำเนินการอะไร มีหลักการ มีขั้นตอนอยู่ เราต้องพยายามทำให้ทุกคนเข้าใจหลักการมากกว่าที่จะไปแบ่งว่า ใครเป็นใคร แบ่งเป็นฝ่าย ซึ่งไม่เกิดผลดีต่อประเทศชาติ กองทัพก็พยายามชี้แจงในส่วนของกองทัพว่า ขั้นตอนต่างๆ มีขั้นตอน และเมื่อทำไปแล้วจะเกิดผลกระทบอย่างไร อยากให้สื่อช่วยกันสร้างความเข้าใจกับคนในชาติว่า เรื่องนี้จะทำได้หรือไม่ได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการอยู่ ยังยืนยันที่จะชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจได้
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช. และอดีต ผบ.ทบ. กล่าวว่า เรื่องนี้มีขั้นตอนอยู่ ว่าต้องทำอย่างไร ตนเองก็ไม่แน่ใจ ไม่มีความเข้าใจตรงจุดนี้ คิดฝ่ายกฎหมายคงดำเนินการไปด้วยความเป็นธรรม และเชื่อว่าสถานการณ์หลังจากนี้ น่าจะเบาบางลง เพราะว่าขั้นตอนในส่วนหนึ่งที่ผ่านไป ถือว่ามีความสำคัญ
