ยะลา – สภ.เมืองยะลาประชุมทีมสืบสวนหาเบาะแสเหตุระเบิดใจกลางเมืองยะลาเมื่อวานนี้ ทั้งรถยนต์ที่ก่อเหตุ และผู้ต้องหาซึ่งมีพยานบุคคลร่วมให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแส ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนั้น แพทย์ได้ให้การรักษาอย่างดีที่สุด และอาการปลอดภัยแล้ว
ความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์ใจกลางเมืองยะลา เมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) ซึ่งคนร้ายใช้วิทยุเป็นตัวจุดชนวนเหมือนกับเหตุคาร์บอมบ์ที่คร่า รอง ผบ.ฉก.14 อ.ยะหา ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบที่มาที่ไปของรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ
วันนี้ (5 ก.ย.) สภ.เมืองยะลา ได้เข้าประชุมกับชุดสืบสวนสอบสวน ศปก.ตร.สน ทราบว่า รถยนต์คันดังกล่าวน่าจะเป็นรถยนต์หนีไฟแนนซ์ จะต้องนำตัวเลขที่ติดอยู่กับตัวถังรถยนต์บางส่วนนำไปตรวจสอบกับบริษัทสยามนิสสัน ในเร็ว ๆ นี้ ส่วนแผ่นป้ายทะเบียนที่ติดมากับรถยนต์นั้น จากเดิมที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ แผ่นป้ายทะเบียน บว 7564 สงขลา เป็นป้ายทะเบียนปลอม ซึ่งป้ายทะเบียนดังกล่าวนั้น เป็นป้ายทะเบียนของรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีแดง ของนายมูฮำหมัด ต่วนดาละ อยู่บ้านเลขที่ 740/11 หมู่ที่ 1 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุด นายนายมูฮำหมัด ต่วนดาละ ให้ข้อมูลว่า รถยนต์ดีแม็กซ์ สีแดงของตนเองถูกบริษัทธนชาติยึดไปตั้งนานแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ทราบข้อมูลว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องทำการตรวจสอบกับบริษัทธนชาติอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พ.ต.อ.เอกกฤต วิริยะภาพ ผกก. สภ.เมืองยะลา ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน เชิญตัวพยานที่อยู่ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ ที่สามารถจดจำใบหน้าของคนร้ายที่มาก่อเหตุ มาสเกตช์ภาพ ซึ่งเบื้องต้นพบเป็นชาย 2 คน อายุประมาณ 25-30 ปี สวมหมวกกาปิเยาะ ร่างกายสันทัด ผอมสูง ซึ่งพยานยังให้การกับทางเจ้าหน้าที่ว่า เห็นรถคันดังกล่าวขับมาจอดตรงจุดเกิดเหตุ แล้วเปิดไฟกะพริบฉุกเฉินไว้ จากนั้น 1 ใน 2 ของคนร้าย ได้เปิดประตูด้านข้างคนขับลงจากรถยนต์ ทำทีเดินลงไปซื้อของก่อนที่คนขับรถยนต์จะลงจากรถตามไป และไม่นานรถยนต์คันดังกล่าวก็ได้ระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
สำหรับระเบิดที่ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์คันดังกล่าวนั้น คนร้ายได้นำระเบิดบรรจุไว้ในถังดับเพลิง จำนวน 2 ถัง น้ำหนักประมาณ 30-40 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร เหมือนกับเหตุการณ์คนร้ายใช้คาร์บอมบ์ ลอบทำร้าย พ.ต.พันธ์ศักดิ์ ทองสุข รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจยะลา 14 (รอง ผบ.ฉก.ยะลา 14) รับผิดชอบพื้นที่ อ.ยะหา และ จ.ส.ต.วิชัย สาหลี อายุประมาณ 40 ปี สังกัด ฉก.ยะลา 14 จนทั้งคู่เสียชีวิต ขณะขับรถยนต์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ก.ค.52 ที่ผ่านมา
ส่วนอาการบาดเจ็บของ 1.ส.ต.ต.กมล คชชาญ อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรมชาย แพทย์ต้องดูแลอาการเป็นกรณีพิเศษ เพราะกลัวว่าบาดแผลจะติดเชื้อ 2.ส.ต.ต.ประวิตร รุ่งภาษา อาการสาหัส นอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ซึ่ง 2 นาย เป็น ตำรวจตระเวนชายแดน ชุดรบพิเศษ ค่านเรศวร จ.ประจวบคีรีขันธ์
ส่วน 1.นายชวน อนันต์วรวัฒน์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ถนน ณ นคร เขตเทศบาลนครยะลา อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ศัลยกรรมประสาท 2.นายวรพจน์ โพธิ์ถาวร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 5 ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จ.สงขลา อาการปลอดภัยแล้ว นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ศัลยกรรมชาย 3.นายสิริพัฒน์ รันดาเว อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 244 หมู่ที่ 4 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา อาการปลอดภัยแล้ว นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ศัลยกรรมชาย และ อีก 7 คนที่เหลือ แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้
ความคืบหน้าเหตุคาร์บอมบ์ใจกลางเมืองยะลา เมื่อวานนี้ (4 ก.ย.) ซึ่งคนร้ายใช้วิทยุเป็นตัวจุดชนวนเหมือนกับเหตุคาร์บอมบ์ที่คร่า รอง ผบ.ฉก.14 อ.ยะหา ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบที่มาที่ไปของรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ
วันนี้ (5 ก.ย.) สภ.เมืองยะลา ได้เข้าประชุมกับชุดสืบสวนสอบสวน ศปก.ตร.สน ทราบว่า รถยนต์คันดังกล่าวน่าจะเป็นรถยนต์หนีไฟแนนซ์ จะต้องนำตัวเลขที่ติดอยู่กับตัวถังรถยนต์บางส่วนนำไปตรวจสอบกับบริษัทสยามนิสสัน ในเร็ว ๆ นี้ ส่วนแผ่นป้ายทะเบียนที่ติดมากับรถยนต์นั้น จากเดิมที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ แผ่นป้ายทะเบียน บว 7564 สงขลา เป็นป้ายทะเบียนปลอม ซึ่งป้ายทะเบียนดังกล่าวนั้น เป็นป้ายทะเบียนของรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีแดง ของนายมูฮำหมัด ต่วนดาละ อยู่บ้านเลขที่ 740/11 หมู่ที่ 1 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุด นายนายมูฮำหมัด ต่วนดาละ ให้ข้อมูลว่า รถยนต์ดีแม็กซ์ สีแดงของตนเองถูกบริษัทธนชาติยึดไปตั้งนานแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ทราบข้อมูลว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องทำการตรวจสอบกับบริษัทธนชาติอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พ.ต.อ.เอกกฤต วิริยะภาพ ผกก. สภ.เมืองยะลา ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน เชิญตัวพยานที่อยู่ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ ที่สามารถจดจำใบหน้าของคนร้ายที่มาก่อเหตุ มาสเกตช์ภาพ ซึ่งเบื้องต้นพบเป็นชาย 2 คน อายุประมาณ 25-30 ปี สวมหมวกกาปิเยาะ ร่างกายสันทัด ผอมสูง ซึ่งพยานยังให้การกับทางเจ้าหน้าที่ว่า เห็นรถคันดังกล่าวขับมาจอดตรงจุดเกิดเหตุ แล้วเปิดไฟกะพริบฉุกเฉินไว้ จากนั้น 1 ใน 2 ของคนร้าย ได้เปิดประตูด้านข้างคนขับลงจากรถยนต์ ทำทีเดินลงไปซื้อของก่อนที่คนขับรถยนต์จะลงจากรถตามไป และไม่นานรถยนต์คันดังกล่าวก็ได้ระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
สำหรับระเบิดที่ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์คันดังกล่าวนั้น คนร้ายได้นำระเบิดบรรจุไว้ในถังดับเพลิง จำนวน 2 ถัง น้ำหนักประมาณ 30-40 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร เหมือนกับเหตุการณ์คนร้ายใช้คาร์บอมบ์ ลอบทำร้าย พ.ต.พันธ์ศักดิ์ ทองสุข รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจยะลา 14 (รอง ผบ.ฉก.ยะลา 14) รับผิดชอบพื้นที่ อ.ยะหา และ จ.ส.ต.วิชัย สาหลี อายุประมาณ 40 ปี สังกัด ฉก.ยะลา 14 จนทั้งคู่เสียชีวิต ขณะขับรถยนต์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ก.ค.52 ที่ผ่านมา
ส่วนอาการบาดเจ็บของ 1.ส.ต.ต.กมล คชชาญ อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรมชาย แพทย์ต้องดูแลอาการเป็นกรณีพิเศษ เพราะกลัวว่าบาดแผลจะติดเชื้อ 2.ส.ต.ต.ประวิตร รุ่งภาษา อาการสาหัส นอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ซึ่ง 2 นาย เป็น ตำรวจตระเวนชายแดน ชุดรบพิเศษ ค่านเรศวร จ.ประจวบคีรีขันธ์
ส่วน 1.นายชวน อนันต์วรวัฒน์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ถนน ณ นคร เขตเทศบาลนครยะลา อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ศัลยกรรมประสาท 2.นายวรพจน์ โพธิ์ถาวร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 5 ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จ.สงขลา อาการปลอดภัยแล้ว นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ศัลยกรรมชาย 3.นายสิริพัฒน์ รันดาเว อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 244 หมู่ที่ 4 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา อาการปลอดภัยแล้ว นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ศัลยกรรมชาย และ อีก 7 คนที่เหลือ แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้