นครศรีธรรมราช - แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญหีบเพลิงพระราชทานประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ เจ้าหน้าที่ทหารที่เสียชีวิต จากเหตุคนร้ายประกบยิง ขณะทำหน้าที่ รปภ.ตลาดนัดที่นราธิวาส พร้อมเผยโจรใต้ได้ปล่อยข่าวลวงว่าการก่อเหตุในช่วงเดือนรอมฎอนจะได้บุญ 2 เท่า
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่วัดชะเมา ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้แทนพระองค์ อัญเชิญหีบเพลิงพระราชทานประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ พ.อ.อำนวย หนูแก้ว ทหารที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 19 ส.ค.52 ที่ผ่านมา การประกอบพิธีจัดขึ้นอย่างสมเกียรติด้วยกองเกียรติยศ การอ่านคำสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ การอ่านประวัติและประกาศเกียรติคุณแก่ผู้วายชนม์ พิธีมอบธงชาติไทย และการมอบเหรียญบางระจัน พร้อมเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัว “หนูแก้ว”
สำหรับ พ.อ.อำนวย หนูแก้ว เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2496 ณ บ้านสระไคร้ ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายอิ้น และนางยิ้ม หนูแก้ว สมรสกับนางเปล่งศรี จงจิตร มีบุตรธิดา 2 คน รับราชการครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2525 ในตำแหน่งพลขับรถ สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหาราบที่ 15 อัตราสิบเอก ต่อมาได้ปรับย้ายไปรับราชการในตำแหน่งนายสิบสื่อสาร กองบังคับการ กองร้อยทหารพรานที่ 4602 กรมทหารพรานที่ 46 อัตรา จ.ส.อ.และในปีงบประมาณ 2552 ได้ปฏิบัติราชการสนาม ตำแหน่งนายสิบสื่อสาร กองบังคับการกองร้อยเฉพาะกิจ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 และปฏิบัติหน้าที่รองผู้บังคับหน่วยพัฒนาสันติ ซึ่งมีที่ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่ ร.ร.บ้านโคกสุมุ ต.บางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาส
พ.อ.อำนวย จะลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นมาตลอด กระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2552 ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย บริเวณตลาดนัดหน้าที่ทำการหน่วยพัฒนาสันติ ได้ถูกผู้ก่อความไม่สงบใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 11 มม.จ่อยิง กระสุนเข้าที่ศีรษะและหน้าอกรวม 2 นัด เสียชีวิตคาที่ หลังก่อเหตุ มือปืนได้วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนจอดติดเครื่องรออยู่หลบหนีไป
พ.อ.อำนวย หนูแก้ว ขณะมีชีวิตอยู่ได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความเข้มแข็ง ขยัน อดทน อยู่ในระเบียบวินัย มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงาน เป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชา และเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นผู้ดูแลทุกคนในครอบครัวด้วยความรักและห่วงใยเสมอมา
พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้อยากจะเรียนว่า ช่วงนี้เป็นช่วงมรอมฎอนมีความสำคัญสำหรับพี่น้องชาวไทยมุสลิม และกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะมีการปลุกระดมว่า ถ้าก่อเหตุในช่วงนี้จะได้บุญเป็น 2 เท่า ซึ่งเป็นการสอนที่ผิดหลักศาสนา อย่างไรก็ตาม กองกำลังทหารได้มีการปฏิบัติการ มีกำลังเข้าไปเพิ่มถึง 36 กองร้อย เข้าปฏิบัติงานทั้งในภาคป่าภูเขา ตั้งจุดสกัดจุดตรวจ โดยเฉพาะถนนต่างๆ เกือบทุกสาย จึงเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีการสู้รบกันมันก็ต้องมีการสูญเสียบ้าง
สำหรับภารกิจในแต่ละวันของกองกำลังส่วนหน้า ทุกหน่วยในพื้นที่ต้องปฏิบัติงานถึง 2,600 ภารกิจ นอกจากนั้นยังใช้กำลังคุ้มครองพี่น้องประชาชน และต้องใช้หลักกฎหมายมาดำเนินการ จึงไม่สามารถกำจัดเขาให้หมดได้หากไม่ทำตามกฎหมาย
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวต่อไปว่า การที่ผู้ก่อการร้ายเข้ามาก่อเหตุในชุมชนนั้น เป็นการหาช่องทางเข้ามาก่อเหตุจนได้ อย่างไรก็ตาม ทางกำลังทหารก็ทำกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว แต่ถือว่ายังโชคดีที่ไม่มีการสูญเสียถึงชีวิต ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีมานานแล้ว แต่จากการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกส่วนถือว่าเหตุการณ์ลดลงมาก ขณะที่ฝ่ายผู้ก่อการร้ายยังพยายามที่จะหาช่องว่างเพื่อเข้ามาก่อเหตุ ซึ่งกลุ่มก่อเหตุอยู่ในที่มืดขณะส่วนป้องกันอยู่ในที่สว่าง ซึ่งเหตุการณ์อย่างนี้ไม่ใช่เกิดเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนเท่านั้น พื้นที่อื่นซึ่งมีตำรวจคอยป้องกันเหตุอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้