นครศรีธรรมราช - ผบก.ภ.นครศรีฯ รับมึนยิง “เชษฐ์ กำแพงเซา” เร่งสอบเชิงลึก แย้มอยู่ “สายไหน”ก็ต้องรู้ ครอบครัวนักข่าวมติชนเชื่อถูกปิดปากแน่นอน ผวาถูกเตือนให้ระวังตัวหวั่นทีมสังหารอีก 2 จ่อคิวถูกเก็บตามทำคดีสาวไม่ถึงตัวบงการใหญ่ วอนรื้อคดี “ชวน หลีกภัย” รับปากนำหนังสือส่งถึงมือ “มาร์ค”
จากกรณีมือปืนประกบยิง นายจารุภัทร นวลนิ่ม อายุ 35 ปี หรือ “เชษฐ์ กำแพงเซา” อยู่บ้านเลขที่ 341 หมู่ 8 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช บนถนนพัฒนาการคูขวาง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่งผลให้นายจารุภัทรได้รับบาดเจ็บสาหัส พลเมืองดีได้นำตัวส่ง รพ.มหาราช และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ซึ่งจากการชันสูตรพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดเข้าบริเวณแผ่นหลังและชายโครงขวารวม 4 นัด เสียชีวิตในชุดเสื้อวอร์มแขนยาวสีดำ กางเกงขาสามส่วนสีเขียว
ซึ่งเบื้องต้นหลังจากการรวบรวมข้อมูลพบว่านายจารุภัทร เดิมนั้นชื่อนายสุรเชษฐ์ มีประวัติค่อนข้างโลดโผน และมีข้อมูลถึงความเชื่อมโยงเกี่ยวพันบางอย่างในคดีลอบยิงนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551
ล่าสุดวันนี้ (13 ส.ค.) พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าในประเด็นที่นายจารุภัทร หรือนายสุรเชษฐ์ เข้าไปพัวพันกับการสังหารผู้สื่อข่าวมติชนนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2551 นั้นยอมรับว่าตนเองยังงงๆอยู่เช่นกัน ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจสอบประเด็นนี้อย่างเร่งด่วน ขณะเดียวได้เร่งเช็คประวัติในเชิงลึกอย่างเร่งด่วนเช่นกัน และพยายามสืบสวนถึงความเกี่ยวพัน ในคดีสังหารนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ นั้นมีการสืบสวนสอบสวนมาก่อนหน้าแล้วตั้งแต่คดีเกิดขึ้น ซึ่งตนมารับตำแหน่งในภายหลังที่การสอบสวนสืบสวนเดินหน้าไปได้ในระดับหนึ่งแล้วมาวันนี้ผู้ต้องหาที่ได้ตัว 2 คนนั้นอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีชั้นศาลจะไปพูดก้าวล่วงไม่ได้
“อย่างไรก็ตามในทางการสืบสวนนั้นมีความสมบูรณ์ ใครเป็นคนบงการอย่างไร แต่ยังไม่สามารถนำเข้าประกอบสำนวนได้ เนื่องจากพยานหลักฐานที่ไม่เพียงพอ การสืบสวนแม้จะก้าวหน้าแต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ นายจารุภัทรที่เสียชีวิต และเชื่อว่าถูกตัดตอนคดีสังหารนายอธิวัฒน์นั้น ต้องขยายผล เขาเป็นคนของใครทีมงานสายไหน ซึ่งแม้ว่ารู้ก็ยังพูดไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการตั้งคำถามว่าสังหารนายสุรเชษฐ์ หรือจารุภัทรเพื่ออะไร ถ้าบุคคลคนนี้ตายสืบสวนคดีนายอธิวัฒน์ไม่ได้หรือไม่ และใครเป็นคนสั่งการ ใครเป็นคนยิง” ผบก.นครศรีธรรมราช กล่าว
ขณะที่นางพรพิมล ไชยนุรัตน์ ภรรยาของนายอธิวัฒน์ ไชยนุรักษ์ ผู้สื่อข่าวมติชน ที่ถูกยิงเสียชีวิตกล่าวว่า สิ่งที่ครอบครัวต้องการตอนนี้คือ อยากให้ทุกอย่างดำเนินการไปให้ตรงกับข้อเท็จจริง ตรงกับความจริง สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นคือความเป็นธรรมให้กับครอบครัว ให้กับคนตาย สิ่งที่คาดหวังในขณะนี้คือการรื้อคดี ซึ่งได้ส่งหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชาชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายชวน หลีกภัย ซึ่งนายชวนหลีกภัยรับปากว่าจะนำส่งถึงมือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยตัวเอง เมื่อถึงตรงนั้นคงมีความหวังต่อความเป็นธรรมมากขึ้น
“เช้าวันนี้มีการโทรศัพท์มาแจ้งเตือนแล้วว่าให้ระวังตัวเนื่องจากฝ่ายคนกลุ่มหนึ่งรู้ว่าข้อมูลที่เป็นจริงได้เป็นที่ล่วงรู้กันแล้ว ดังนั้นชีวิตจึงอาจตกอยู่ในอันตรายก็เป็นได้ และทราบว่ามีการประกาศกันแล้วถึงการอาฆาตมาดร้ายกันต่อไป แต่ไม่รู้จะกลัวไปทำไม กลัวไปก็เท่านั้น” ภรรยานายอธิวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ตามมีรายงานจากแหล่งข่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวพันในคดีสังหารนายอธิวัฒน์ อีก 3 รายได้หายตัวออกไปจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่นายจารุภัทร หรือสุรเชษฐ์ ถูกคนร้ายประกบยิงเสียชีวิต และหากเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถปรับรูปกระบวนการดำเนินคดีได้เชื่อว่าทั้ง 3 รายจะมีการติดตามปิดบัญชีเช่นเดียวกับนายจารุภัทรอย่างแน่นอน ทำให้ไม่สามารถสาวไปถึงตัวบงการใหญ่ ซึ่งทั้ง 3 คนนั้น เวลานี้ถือว่าชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว
จากกรณีมือปืนประกบยิง นายจารุภัทร นวลนิ่ม อายุ 35 ปี หรือ “เชษฐ์ กำแพงเซา” อยู่บ้านเลขที่ 341 หมู่ 8 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช บนถนนพัฒนาการคูขวาง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่งผลให้นายจารุภัทรได้รับบาดเจ็บสาหัส พลเมืองดีได้นำตัวส่ง รพ.มหาราช และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ซึ่งจากการชันสูตรพบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดเข้าบริเวณแผ่นหลังและชายโครงขวารวม 4 นัด เสียชีวิตในชุดเสื้อวอร์มแขนยาวสีดำ กางเกงขาสามส่วนสีเขียว
ซึ่งเบื้องต้นหลังจากการรวบรวมข้อมูลพบว่านายจารุภัทร เดิมนั้นชื่อนายสุรเชษฐ์ มีประวัติค่อนข้างโลดโผน และมีข้อมูลถึงความเชื่อมโยงเกี่ยวพันบางอย่างในคดีลอบยิงนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ ผู้สื่อข่าวมติชน ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551
ล่าสุดวันนี้ (13 ส.ค.) พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าในประเด็นที่นายจารุภัทร หรือนายสุรเชษฐ์ เข้าไปพัวพันกับการสังหารผู้สื่อข่าวมติชนนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2551 นั้นยอมรับว่าตนเองยังงงๆอยู่เช่นกัน ซึ่งขณะนี้ได้ตรวจสอบประเด็นนี้อย่างเร่งด่วน ขณะเดียวได้เร่งเช็คประวัติในเชิงลึกอย่างเร่งด่วนเช่นกัน และพยายามสืบสวนถึงความเกี่ยวพัน ในคดีสังหารนายอธิวัฒน์ ไชยนุรัตน์ นั้นมีการสืบสวนสอบสวนมาก่อนหน้าแล้วตั้งแต่คดีเกิดขึ้น ซึ่งตนมารับตำแหน่งในภายหลังที่การสอบสวนสืบสวนเดินหน้าไปได้ในระดับหนึ่งแล้วมาวันนี้ผู้ต้องหาที่ได้ตัว 2 คนนั้นอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีชั้นศาลจะไปพูดก้าวล่วงไม่ได้
“อย่างไรก็ตามในทางการสืบสวนนั้นมีความสมบูรณ์ ใครเป็นคนบงการอย่างไร แต่ยังไม่สามารถนำเข้าประกอบสำนวนได้ เนื่องจากพยานหลักฐานที่ไม่เพียงพอ การสืบสวนแม้จะก้าวหน้าแต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ นายจารุภัทรที่เสียชีวิต และเชื่อว่าถูกตัดตอนคดีสังหารนายอธิวัฒน์นั้น ต้องขยายผล เขาเป็นคนของใครทีมงานสายไหน ซึ่งแม้ว่ารู้ก็ยังพูดไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการตั้งคำถามว่าสังหารนายสุรเชษฐ์ หรือจารุภัทรเพื่ออะไร ถ้าบุคคลคนนี้ตายสืบสวนคดีนายอธิวัฒน์ไม่ได้หรือไม่ และใครเป็นคนสั่งการ ใครเป็นคนยิง” ผบก.นครศรีธรรมราช กล่าว
ขณะที่นางพรพิมล ไชยนุรัตน์ ภรรยาของนายอธิวัฒน์ ไชยนุรักษ์ ผู้สื่อข่าวมติชน ที่ถูกยิงเสียชีวิตกล่าวว่า สิ่งที่ครอบครัวต้องการตอนนี้คือ อยากให้ทุกอย่างดำเนินการไปให้ตรงกับข้อเท็จจริง ตรงกับความจริง สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นคือความเป็นธรรมให้กับครอบครัว ให้กับคนตาย สิ่งที่คาดหวังในขณะนี้คือการรื้อคดี ซึ่งได้ส่งหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชาชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผ่านทางนายชวน หลีกภัย ซึ่งนายชวนหลีกภัยรับปากว่าจะนำส่งถึงมือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยตัวเอง เมื่อถึงตรงนั้นคงมีความหวังต่อความเป็นธรรมมากขึ้น
“เช้าวันนี้มีการโทรศัพท์มาแจ้งเตือนแล้วว่าให้ระวังตัวเนื่องจากฝ่ายคนกลุ่มหนึ่งรู้ว่าข้อมูลที่เป็นจริงได้เป็นที่ล่วงรู้กันแล้ว ดังนั้นชีวิตจึงอาจตกอยู่ในอันตรายก็เป็นได้ และทราบว่ามีการประกาศกันแล้วถึงการอาฆาตมาดร้ายกันต่อไป แต่ไม่รู้จะกลัวไปทำไม กลัวไปก็เท่านั้น” ภรรยานายอธิวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ตามมีรายงานจากแหล่งข่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวพันในคดีสังหารนายอธิวัฒน์ อีก 3 รายได้หายตัวออกไปจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่นายจารุภัทร หรือสุรเชษฐ์ ถูกคนร้ายประกบยิงเสียชีวิต และหากเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถปรับรูปกระบวนการดำเนินคดีได้เชื่อว่าทั้ง 3 รายจะมีการติดตามปิดบัญชีเช่นเดียวกับนายจารุภัทรอย่างแน่นอน ทำให้ไม่สามารถสาวไปถึงตัวบงการใหญ่ ซึ่งทั้ง 3 คนนั้น เวลานี้ถือว่าชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว
