ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คืบหน้าข่าวทารกเงือกน้อยส่งไปรักษาต่อที่มอ.หาดใหญ่แล้ววันนี้ผลเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เบื้องต้นคาดไตอยู่ผิดที่ แต่เด็กปัสสาวะได้
สำหรับความคืบหน้าการดูแลรักษาความผิดปกติของเด็กน้อยที่มีอาการผิดปกติขาติดกันคล้ายเงือก ล่าสุดวันนี้ (11 ส.ค) ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้ส่งตัวเด็กคนดังกล่าวไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หรือ มอ.หาดใหญ่แล้ว โดยโดยทางไปด้วยรถของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตมีพยาบาลและบิดาของเด็กซึ่งเป็นชาวพม่าเดินทางไปดูแลด้วย
นอกจากนั้น นายแพทย์เจษฎา จงบูลย์พัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พร้อมด้วย นพ.ศิริชัย ศิลปอาชา รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการตติยภูมิ ได้เดินทางเขาเยี่ยมและให้กำลังใจ นางสุ่ย ชาวพม่า มารดาของเด็กที่ห้องพักฟื้นหลังคลอดเตียงที่ 14 พร้อมอธิบายถึงความผิดปกติของเด็กที่เกิดมาเนื่องจากมารดาของเด็กยังไม่เห็นอาการของลูกตัวเองเพราะยังทำใจไม่ได้
หลังจากที่นางสุ่ยรับฟังถึงความผิดปกติของลูกและโอกาสรอดซึ่งถือว่ามีโอกาสน้อยมาก เนื่องจากในเบื้องต้นพบว่านอกจากขาที่ติดกันเป็นชิ้นเนื้อเดียวกันแล้วยังมีการของไตที่ผิดปกติ ทำให้นางสุ่ยถึงกับน้ำตาคลอเบ้าและพยายามฟังอย่างตั้งใจ
ผอ.โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุดของเด็กที่คลอดออกมาและมีอาการผิดปกติ Mermaid syndrome (Sirenomelia) จากข้อมูลทางการแพทย์ทั่วโลกของทารกที่เกิดมามีลักษณะแบบนี้ ระบุว่าขณะนี้มีชีวิตอยู่จำนวน 3 ราย ล่าลุดเป็นชาวเปรู อายุ 5 ขวบ แพทย์ได้ทำการผ่าตัดแยกขาให้ แต่ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของการผ่าตัดซ่อมแซม อีกสองรายอยู่ในอเมริกา รายหนึ่งขณะนี้มีอายุ 21 ปี และอีกรายอายุ 14 ปี ซึ่งไม่ได้มีการผ่าตัดแยกขาแต่มีการผ่าตัดเปลี่ยนไตให้ทั้งสองข้าง
กรณีของทารกรายนี้ที่มาคลอดที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตนั้น จากผลตรวจทางการแพทย์นั้นมีหลายอย่างที่เรามองไม่เห็น ซึ่งอาจเป็นเพราะเครื่องไม้เครื่องมือของเราไม่ทันสมัยพอ จึงจำเป็นต้องส่งตัวทารกไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ เพื่อจะได้ดำเนินการในการวินิจฉัยว่าอวัยวะภายในของทารกรายนี้มีอวัยวะส่วนใดบ้างที่สมบูรณ์และไม่สมบูรณ์ และอันไหนที่ดูแลได้และอันไหนที่ดูแลไม่ได้
แต่เราก็ภาวนาว่าทารกรายนี้น่าจะโชคดี เพราะเท่าที่ฟังรายงานจากทีมแพทย์ของทางโรงพยาลทราบว่าทารกรายนี้มีสุขภาพร่างการที่แข็งแรง ระบบท่อปัสสวะหรือไตยังดีอยู่ หากทารกน้อยรายนี้รอดมีชีวิตก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ และถือเป็นรายที่ 4 ของโลก ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี และมั่นใจว่าทางทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่จะสามารถช่วยชีวิตทารกน้อยรายนี้ได้
ขณะที่ นายแพทย์ศิริชัย ศิลปอาชา กล่าวถึงการดูแลทารกน้อยว่า ก่อนที่จะส่งตัวทารกน้อยไปที่โรงพยาล ม.อ.หาดใหญ่ ทางทีมแพทย์ของโรงพยาลได้นำเด็กไปตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์และทำอัลตร้าซาวด์ของอวัยวะภายในดู ปรากฏว่า เราหาไตไม่พบซึ่งคาดว่าไตอาจจะอยู่ผิดที่ เพราะเด็กมีปัสสาวะออกมา คาดว่าน่าจะเกิดจากการที่ไตมีลักษณะที่ผิดปกติ หรือไตอาจอยู่ผิดที่ ขณะนี้เด็กได้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล มอ.หาดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เด็กมีสุขภาพแข็งแรงดี หากอวัยวะภายในอยู่ในสถาพที่ดีเด็กจะมีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นอยู่กับว่าอวัยวะภายในของทารกเหมือนกับทารกปกติหรือมีอะไรผิดปกติหรือไม่อย่างไรเป็นสำคัญ
ส่วนอวัยวะภายในอื่นๆ นั้นยังไม่สามารถตรวจหาความผิดปกติได้เนื่องจากเด็กยังเล็กมาก แต่เท่าที่ดูลักษณะภายนอกถือว่าเป็นทารกที่มีสุขภาพแข็งแรงมาก เท่าที่ทราบนางสุ่ย มารดาของทารกเงือกน้อยก็ดีใจที่คลอดลูกออกมาถึงจะมีความผิดปกติ แต่ที่ทำใจไม่ได้ในตอนแรกและไม่กล้ามองหน้าลูกตนเองเนื่องจากเกรงจะสูญเสียทารกน้อยไปอีกเพราะนางสุ่ย คลอดลูกมาแล้ว 2 คน คนแรกขวบเศษคนที่สอง6เดือนก็เสียชีวิตทั้งคู่ จึงมีความกังวลว่าลูกที่คลอดมาล่าสุดจะมีชีวิตรอดหรือไม่
นายแพทย์ศิริชัยกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีแนวคิดว่าน่าจะตั้งเป็นกองทุนในการให้ความช่วยเหลือเด็กพิการ ซึ่งบางครั้งคลอดมาแล้วบิดามารดาอาจไม่สามารถดูแลได้เต็มที่ ซึ่งอาจต้องขอรับบริจาคจากผู้ที่มีจิตกุศล เนื่องจากจะต้องมีในเรื่องการรักษาพยาบาลแล้วยังจะต้องมีในเรื่องการเลี้ยงดูหลังคลอดตามมา และในการช่วยเหลือในการให้มีชีวิตรอดและใช้ชีวิตได้เช่นคนปกติ จึงมีความเป็นไปได้ที่ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตจะจัดตั้งเป็นกองทุนช่วยเหลือเด็กการขึ้นมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกันในคณะแพทย์และผู้บริหารของทางโรงพยาบาลอยู่
