xs
xsm
sm
md
lg

ชาวปะเหลียนยังผวา “พังนาตาลี” คร่า 7 ศพ ค้านไม่ให้อยู่ในพื้นที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - ประชาชนในอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ยังผวา พร้อมคัดค้านการนำช้างพังนาตาลี ไว้ในพื้นที่อีกต่อไป หลังเกิดอาละวาดกระทืบคนตายไปแล้วถึง 7 ศพ เจราจาหาทางขาย แต่ยังตกลงกันไม่ได้

จากกรณีที่ ช้างพังนาตาลี อายุ 35 ปี น้ำหนักกว่า 3 ตัน ของ นายสมโชค ชูบาล อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135/1 หมู่ที่ 7 ตำบลแหลมสอม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภา อบต.แหลมสอม ได้ก่อเหตุไล่กระทืบชาวบ้านที่กำลังกรีดยางพารา ในพื้นที่ตำบลแหลมสอม และตำบลทุ่งยาว อำเภอปะเหลียน จนเสียชีวิตคืนเดียวกันถึง 3 ศพ เมื่อคืนวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ประกอบด้วย นายโสภณ จินหล้า อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/4 หมู่ที่ 3 ตำบลแหลมสอม นางปรียา หัตศาสตร์ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ที่ 5 บ้านเขาล้อม ตำบลทุ่งยาว และ นางจินตนา ช้างขาว อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งยาว

ขณะเดียวกัน จากการที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดตรัง ได้ตรวจสอบประวัติไปยังมูลนิธิและอนุรักษ์ช้างจังหวัดลำปาง ทำให้ทราบว่า ช้างพังนาตาลี เดิมมีชื่อว่า ช้างพังคำมูล ซึ่งเมื่อปี 2546-2549 ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ แต่ต่อมาได้มีขายให้กับชาวตำบลบางกุ้ง อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ในราคา 600,000 บาท เพื่อนำมาทำงานรับจ้างชักลากไม้ในพื้นที่จังหวัดตรัง และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งในช่วงนั้น ช้างพังนาตาลี ก็ได้ก่อเหตุไล่กระทืบผู้คนตายไป 1 ศพด้วย

ต่อจากนั้น เมื่อประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา หรือเมื่อต้นปี 2552 เจ้าของเดิมได้ขายช้างพังนาตาลี ให้กับ นายสมโชค ซึ่งเป็นเจ้าของในปัจจุบัน ราคา 620,000 บาท แต่แล้วเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2552 ช้างตัวนี้ก็ได้ทำร้ายพี่ชายของ นายสมโชค จนเสียชีวิต ที่บ้านโคกเหราออก หมู่ที่ 6 ตำบลแหลมสอม อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง อีกทั้งก่อนหน้านี้ ช้างพังนาตาลี ก็ยังเคยมีประวัติไล่กระทืบผู้คนหลายครั้ง และเมื่อรวมกับยอดล่าสุดพบว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 7 ศพ

ล่าสุด เมื่อวันนี้ (19 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้เดินทางเข้าไปในพื้นที่อำเภอปะเหลียน เพื่อติดตามดูสภาพความเป็นอยู่ของช้างตัวดังกล่าว โดย นายสมโชค เจ้าของช้างพังนาตาลี และช้างพังเรือบิน รวม 2 เชือก ยังคงนำช้างไปทำงานรับจ้างชักลากไม้ยางพาราตามสวนต่างๆ ร่วมกับช้างพังเพชร ซึ่งเป็นของเพื่อนบ้านอีก 1 เชือก เนื่องจากเป็นพื้นที่ลาดชันและอยู่ติดกับภูเขาสูง ทำให้คนงานไม่สามารถที่จะขึ้นไปนำไม้ยางพาราลงมาได้เอง แม้จะใช้รถบรรทุก หรือเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ไปช่วยก็ตาม อย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะช้างพังนาตาลี หลังจากก่อเหตุร้ายขึ้นมาล่าสุดนั้น ทางเจ้าของก็ได้เปลี่ยนควาญช้างคนใหม่มาดูแลแทน

ทั้งนี้ เมื่อ นายสมโชค เจ้าของช้าง พบกับผู้สื่อข่าว ก็ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ พร้อมแสดงอาการหงุดหงิดไม่พอใจที่ชาวบ้านในพื้นที่ 3 ตำบลที่เกิดเหตุ คือ ตำบลปะเหลียน ตำบลแหลมสอม และ ตำบลทุ่งยาว ต่างก็ไม่ต้องการให้ นายสมโชค เลี้ยงช้างพังนาตาลี ไว้ทำงานในพื้นที่อีกต่อไป เพราะยังคงรู้สึกหวาดผวาถึงกับไม่กล้าออกไปกรีดยางพาราในช่วงกลางคืน ส่วนพี่ชายของ นายสมโชค ซึ่งถูกช้างพังนาตาลี ทำร้ายจนเสียชีวิตก่อนหน้านี้นั้น ล่าสุด ยังคงตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดลำปลอก ตำบลปะเหลียน อำเภอปะเหลียน

นายสมโชค หนูวงษ์ อายุ 41 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 14 ตำบลปะเหลียน กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่และตำบลใกล้เคียงได้ออกเรียกร้องให้นายสมโชค เจ้าของช้างพังนาตาลี นำช้างออกไปจากพื้นที่ เพราะหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงกลางวันไม่เป็นไร เพราะสามารถมองเห็น แต่ในช่วงกลางคืนจะไม่กล้าออกไปกรีดยางพาราตามปกติ ตนเองในฐานะผู้นำหมู่บ้านก็ได้แต่พูดคุยขอร้องกัน ซึ่งเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางที่ว่าการอำเภอปะเหลียน ก็ทราบปัญหาดี

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ภวัต ชาญประสิทธิ์ ผู้กำกับการ สภ.ปะเหลียน และ นายพงษ์ศักดิ์ คารวานนท์ นายอำเภอปะเหลียน ได้เรียกผู้นำชุมชน ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าของช้าง มาพูดคุยกันแล้ว โดยเจ้าของช้างและควาญช้างคนใหม่ก็ได้รับปาก พร้อมทั้งทำบันทึกข้อตกลงให้การรับรองว่า จะไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นอีก แต่สุดท้ายชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังไม่ไว้ใจ และยังหวาดกลัวอยู่ดี พร้อมกับเรียกร้องให้นำออกไปจากอำเภอปะเหลียนสถานเดียว

นายพงษ์ศักดิ์ คารวานนท์ นายอำเภอปะเหลียน กล่าวว่า เนื่องจาก นายสมโชค เจ้าของช้างพังนาตาลี เป็นคนในพื้นที่ ดังนั้น จะให้นำช้างออกไปอยู่ที่อื่นคงไม่ได้ แต่เบื้องต้นเจ้าของช้างรับปากว่า ตั้งแต่สิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป จะย้ายช้างออกไปทำงานนอกพื้นที่อำเภอปะเหลียน พร้อมทั้งหาทางเจรจากับมูลนิธิพระคชบาล ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งสนใจที่จะขอซื้อช้างพังนาตาลีไป แต่ติดขัดตรงที่ นายสมโชค ต้องการขายช้างในราคา 620,000 บาท ขณะที่มูลนิธิมีเงินอยู่เพียงแค่ 200,000 บาท เท่านั้น

ส่วนทางจังหวัดตรังจะเข้าไปช่วยเหลือเงินในส่วนที่ขาดหรือไม่ นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดูเจตนารมณ์ว่า มูลนิธิพระคชบาล จะซื้อช้างพังนาตาลีไปทำอะไร หากเพื่อนำไปธุรกิจ คงเป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากันเอาเอง แต่หากเพื่อนำไปบริจาค อย่างนี้ทางจังหวัดตรังก็จะมาช่วยดูว่า พอจะลดราคาซื้อขายกันลงได้บ้างหรือไม่ และพอจะหาเงินจากส่วนไหนไปช่วยเหลือได้บ้าง แต่คงต้องรอการพูดคุยกันอย่างชัดเจนจากทั้ง 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายเจ้าของช้าง และฝ่ายมูลนิธิพระคชบาล อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าคงจะได้ข้อสรุปประมาณ 1 สัปดาห์นี้

นายอำเภอปะเหลียน กล่าวอีกว่า ในขณะที่การซื้อขายช้างพังนาตาลี ยังไม่เสร็จสิ้น ตนได้เรียกเจ้าของช้าง 3 ราย ซึ่งมีช้างอยู่ในครอบครองรวม 4 เชือก มาประชุมเพื่อวางมาตรการแก้ปัญหาร่วมกัน โดยจะต้องล่ามช้างทุกตัวไว้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งมีควาญช้างคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ก็จะมีการจัดชุดรักษาความสงบหมู่บ้าน (ชรบ.) เข้าเวรยามเฝ้าระวังช้าง โดยย้ำว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปห้ามมิให้เกิดเหตุร้ายขึ้นมาอีก มิเช่นนั้นคงจำเป็นที่จะต้องนำมาตรการทางสังคมมากดดันเจ้าของช้างต่อไป

ร.ต.ท.สนจิตร หมะโอะ พนักงานสอบสวน สภ.ปะเหลียน เจ้าของคดีที่มีผู้คนเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ถึง 2 ศพ ในพื้นที่ตำบลทุ่งยาว กล่าวว่า ในเรื่องความรับผิดชอบต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตนั้น นายสมโชค เจ้าของช้าง ได้ตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้กันจนเป็นที่พอใจแล้ว ส่วนทางด้านคดีนั้น ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าเจ้าของช้างเป็นฝ่ายประมาท ขณะที่อีกเรื่องหนึ่งซึ่งอยู่ในระหว่างรอผลการตรวจสอบ ของปศุสัตว์อำเภอปะเหลียน และปศุสัตว์จังหวัดตรัง ว่า ช้างพังนาตาลี มีการออกตั๋วตำหนิรูปพรรณถูกต้องหรือไม่ ด้วยการตรวจเช็กจากไมโครชิป

ทั้งนี้ ถ้าช้างมีตั๋วตำหนิรูปพรรณ ก็ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่หากไม่มี ก็จะถือว่าเป็นช้างป่า เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.สัตว์ป่าสงวน อย่างไรก็ตาม โดยเบื้องต้นทราบว่า ช้างตัวนี้มีตั๋วถูกต้อง ซึ่งหลังจากมีการรายงานมายังพนักงานสอบสวนอย่างเป็นทางการแล้ว ก็จะได้ดำเนินการทางด้านคดีตามกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม นายสมโชค เจ้าของช้าง ได้ขอความช่วยเหลือมายังตน และทางจังหวัดตรัง ให้ติดต่อเจรจาขายช้างพังนาตาลี ออกไป เพราะชาวบ้านในพื้นที่ไม่ยอมให้เลี้ยงไว้อีกแล้ว โดยขณะนี้จึงยังอยู่ในระหว่างการติดต่อประสาน

ร.ต.ท.โกสิน นรสิงห์ พนักงานสอบสวน สภ.บ้านหนองเอื้อง เจ้าของคดีผู้เสียชีวิตอีก 1 ศพ ในพื้นที่ตำบลแหลมสอม กล่าวว่า เรื่องค่าเสียหายขณะนี้ยังไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะภรรยาของผู้ตายเรียกร้องเงินเป็นจำนวน 3 แสนบาท แต่ นายสมโชค เจ้าของช้างพังนาตาลี จะรับผิดชอบแค่จำนวน 1.5 แสนบาท ซึ่งคงต้องรอผลการเจรจากับทั้ง 2 ฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง



กำลังโหลดความคิดเห็น