ปัตตานี - สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี จับมือภาคีเครือข่ายเร่งควบคุมและป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยใช้ 3 มาตรการเข้ม คือ การดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน พร้อมส่ง อสม.กว่า 4,000 คน เฝ้าระวังในชุมชนเต็มพื้นที่
วันนี้ (16 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายพิศาล ทองเลิศ รอง ผวจ.ปัตตานี นายแพทย์ ยอร์น จิระนคร นายแพทย์สาธารณสุข จ.ปัตตานี ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเพื่อวางแนวทางการควบคุมและป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ จ.ปัตตานี ล่าสุด มีจำนวน 30 คน โดยเป็นนักศึกษา 13 คน นักเรียนประถมและมัธยม 4 คน ส่วนที่เหลือเป็นบุคคลทั่วไปกระจายทุกอำเภอในพื้นที่ 12 อำเภอของจังหวัดปัตตานี โดยอาการของผู้ป่วยทั้งหมดไม่มีภาวะแทรกซ้อน บางรายหายปกติกลับรักษาตัวที่บ้าน มีส่วนน้อยที่ยังอยู่โรงพยาบาล
นายแพทย์ ยอร์น จิระนคร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี มีความห่วงใยในสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก จึงเร่งดำเนินงานควบคุมและป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา สถานที่ที่ใช้เครื่องปรับอากาศในระบบปิด สถานที่ที่มีคนอยู่จำนวนมาก อย่างเข้มข้น จริงจัง เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง โดยกำหนดมาตรการ 3 ด้าน ดังนี้
1.การดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับการคัดกรองกับกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคเรื้อรัง อาทิ โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเลือด ไต เบาหวาน ผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่นโรคมะเร็ง หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน โรคอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และหญิงมีครรภ์ หรือผู้ที่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยหรือเดินทางเข้าไปในจังหวัดหรือพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ที่มีอาการสงสัยว่าจะป่วยด้วยโรคดังกล่าว คือ มีไข้ ไอ จาม เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยปรับระบบบริการในโรงพยาบาลทุกแห่งให้มีช่องทางพิเศษ
เมื่อผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวมารับบริการ ก็จะได้รับการบริการ ณ จุดนี้จุดเดียวแบบครบวงจรที่สะดวก รวดเร็ว ทั้งการนั่งรอตรวจ การทำบัตร ซักประวัติ วัดสัญญาณชีพ การพบแพทย์ รวมทั้งการเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจชันสูตรทางห้องปฏิบัติการ และการรับยาตลอดจนคำแนะนำจากเภสัชกรด้วย ในส่วนของการรองรับ ในกรณีที่ต้องรับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลนั้น ทุกแห่งได้มีการเตรียมทั้งสถานที่ อุปกรณ์ ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงระบบการส่งต่อในกรณีที่เกินขีดความสามารถที่มีประสิทธิภาพ
2.การป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ให้ความสำคัญกับการป้องกันในสถานที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น ในสถานศึกษาทั้งของรัฐ เอกชนและโรงเรียนสอนศาสนา สถานประกอบการ สถานพินิจ สถานบันเทิง ร้านอินเทอร์เน็ต ค่ายทหาร หอพัก ห้างสรรพสินค้า เพราะหากมีผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวจะทำให้เกิดระบาดของโรคได้อย่างรวดเร็ว โดยขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันโรคก่อนที่จะมีผู้เจ็บป่วย ในส่วนของชุมชนนั้น ได้ส่ง อสม. จำนวนกว่า 4,000 คนที่อยู่ในทุกพื้นที่ทุกชุมชนเฝ้าระวังสังเกตอาการผู้ที่น่าสงสัย หากพบจะมีการส่งเข้าสู่ระบบการตรวจคัดกรอง ณ สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทันที
3.การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม โดยการปรับแนวทางการดำเนินงานด้านการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม ขยายช่องทางในการสื่อสาร และเสริมบทบาทท้องถิ่น ชุมชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญถึงความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
สำหรับประชาชนทั่วไปนั้นเพื่อเป็นการป้องกันโรค ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย งดการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า รวมทั้งควรป้องกันไม่ให้ตนเองรับเชื้อเข้าร่างกาย โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ที่สถานที่แออัด ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย ควรล้างมือฟอกสบู่บ่อยครั้ง หากป่วยเป็นหวัด ไอจาม และสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้ละอองเสมหะ น้ำมูกซึ่งมีเชื้อโรคปะปนอยู่ แพร่กระจายสู่คนอื่น และสำหรับผู้ที่อ่อนและเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคก็ควรสวมหน้ากากอนามัย เมื่อต้องเข้าไปในสถานที่ชุมชนด้วยเช่นกัน
