ป่วยหวัดใหญ่พุ่ง 196 ราย ยอดรวม 2,272 ราย นอน รพ.35 ราย “วิทยา” กำชับทุกโรงพยาบาลให้เข้ม 3 มาตรการ ดูแลผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการแพร่เชื้อในโรงพยาบาลและให้ความรู้เจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยและประชาชนในการป้องกันตนเอง ชี้ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้ แนะประชาชนทั่วไปรักษาสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ติดเชื้อ หมั่นล้างมือ และหากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ไอ จาม ต้องใช้หน้ากากอนามัย ป้องกันไอ จามรดคนอื่น
วันที่ 6 กรกฎาคม นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ติดตามการดำเนินงานควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ที่โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ใน 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ รพ.พุทธชินราชพิษณุโลก รพ.แพร่ รพ.ลำปาง รพ.ลำพูน และ รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ พร้อมมอบนโยบายแก่แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1
นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ยังแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องกว่า 120 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย จำนวนผู้ป่วยกว่า 80,000 คน สถานการณ์ในประเทศไทย ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2552 ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ เพิ่ม 196 ราย โดยเป็นนักเรียน 160 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนรายละเอียด 36 ราย รวมผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน - 6 กรกฎาคม 2552 จำนวน 2,272 ราย หายป่วยแล้ว 2,230 ราย มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ขณะนี้ยังรักษาตัวในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 35 ราย
“แม้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ อาการไม่รุนแรงมาก แต่แพร่ระบาดจากคนสู่คนได้รวดเร็ว กระทรวงสาธารณสุขได้วาง 3 มาตรการหลักเพื่อลดการเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยง และไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในโรงพยาบาลซึ่งเป็นจุดรวมของผู้ป่วยหลายโรค” นายวิทยากล่าว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า มาตรการแรกให้ทุกโรงพยาบาลจัดทีมแพทย์ดูแลเฉพาะ ตรวจรักษาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หากมีปัญหาในการรักษาโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่สุขภาพอ่อนแอ อาทิ ผู้ป่วยโรคปอด หอบหืด โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคเบาหวาน และผู้สูงอายุ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ตลอด 24 ชั่วโมง มาตรการที่ 2 ให้ทุกโรงพยาบาลวางระบบป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล โดยมีระบบคัดกรองผู้ป่วยแยกจากผู้ป่วยอื่นๆ รวมทั้งจัดเตรียมห้องแยกโรคเพื่อดูแลผู้ป่วยโรคนี้เป็นการเฉพาะ และมาตรการสุดท้ายคือการประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ ผู้รับบริการและประชาชน ให้สามารถป้องกันตนเองได้
นายวิทยากล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ การป้องกันไม่ให้ร่างกายรับเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุด คือ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย งดการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ซึ่งทั้งเหล้าและบุหรี่เป็นตัวทำลายสุขภาพ รวมทั้งให้ป้องกันไม่ให้ตนเองรับเชื้อเข้าร่างกาย โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ที่สถานที่แออัด ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย ควรล้างมือฟอกสบู่บ่อยครั้ง หากป่วยเป็นหวัด ไอจาม ให้สวมผ้าปิดจมูกหริที่เรียกว่าหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้ละอองเสมหะ น้ำมูกซึ่งมีเชื้อโรคปะปนอยู่ แพร่กระจายสู่คนอื่น เป็นต้น