xs
xsm
sm
md
lg

จนท.ป่าไม้ดำเนินคดีซ้ำซ้อน ต้องชดใช้เงินกว่า 13 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พัทลุง - เจ้าหน้าที่ป่าไม้ดำเนินคดีซ้ำซ้อนกับชาวบ้าน อ.ศรีนครินทร์ ทั้งอาญาและแพ่ง 4 ราย ข้อหาบุกรุก ต้องชดใช้เงินกว่า 13 ล้านบาท ครอบครัวแตกแยก ถึงขนาดคิดฆ่าตัวตาย

วันนี้ (9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุง ว่า ชุมชนบ้านคอกเสือ ท้องที่ ม.8 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง พื้นที่ทั้งหมดเป็นสวนยางพารา และสวนผลไม้ โดยชาวบ้านได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวทำมาหากินเลี้ยงชีพมาแต่บรรพบุรุษ ปัจจุบันถูกทางการห้ามเข้าพื้นที่ เพื่อทำกิจกรรมใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปลูก และซ่อมแซมยางพารา การแผ้วถาง แม้กระทั่งห้ามเดินผ่าน มิฉะนั้นจะถูกำเนินคดีในข้อหา บุกรุก แผ้วถาง หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเอง สำหรับอำเภอศรีนครินทร์ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของทางการแล้วจำนวน 4 ราย ต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวนกว่า 13 ล้านบาท

นางกำจาย ชัยทอง อายุ 43 ปี หนึ่งผู้ได้รับความเดือดร้อน จากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ อยู่บ้านเลขที่ 62/2 ม.8 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง กล่าวว่าเดิมที่ปู่มีที่ดินอยู่จำนวน 11 ไร่ ในท้องที่ ม.8 ต.บ้านนา โดยได้เข้าทำกิน เมื่อปี 2497 และได้ยกให้กับบิดาของตนเมื่อปี 2505 ต่อมาบิดาได้ยกให้ตนเมื่อปี 2524 ทั้งนี้ ที่ดินดังกล่าวทางปู่และบิดาได้ปลูกยางพารา จำปาดะ และสะตอไว้ก่อนแล้ว และตนได้เข้าทำกินเรื่อยมาจนถึงปี 2546 เนื่องจากต้นยางได้หมดสภาพที่จะให้น้ำยาง

จึงได้ยื่นหนังสือขอทุนจากสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดพัทลุง และได้มีการอนุมัติให้โค่นล้มได้ ตนจึงดำเนินการโค่นยางพารา เพื่อปลูกใหม่ทดแทน แต่ยังไม่ทันได้ปลูกก็ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้ดำเนินคดีอาญา ในข้อหา ก่อสร้าง แผ้วถาง ยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 8-2-85 ไร่ จนศาลตัดสินจำคุก 2 ปี (รอลงอาญา) และปรับเป็นเงิน 20,000 บาท ต่อมาปี 2548 คดีแพ่งก็ตามมาอีก พร้อมให้ชดใช้ค่าเสียหาย 1,306,875 บาท หากปัจจุบันรวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตนต้องชดใช้ 1,672,740.07 บาท เลยคิดฆ่าตัวตาย เพื่อให้หนี้สินเหล่านั้นหมดไป

ด้าน นายวิง เพชรย้อย อายุ 49 ปี ผู้ได้รับความเดือดร้อนหนึ่งใน 4 ราย จากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ อยู่บ้านเลขที่ 177 ม.7 ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง กล่าวว่า หลังจากได้รับที่ดินเนื้อที่ 8 ไร่ ตนถูก ดำเนินคดีทั้งคดีอาญา และแพ่งรวมกันตนต้องชดใช้เงินเป็นจำนวน 2,540,963.16 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตอนนี้ยังไม่ได้ใช้ เนื่องจากไม่มีปัญญา เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นเงินเป็นล้านๆ จากสภาพปัญหาดังกล่าวครอบครัวแตกแยก และได้หย่าขาดกับภรรยาเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตนต้องรวบรวมสมาชิกในเครือข่าย ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้าน ส่วนตนนั้นสำหรับที่ดินดังกล่าวไม่ต้องการเอกสารสิทธิ์ใดๆ เพียงแต่ขอให้พวกตนมีสิทธิ์ทำกินก็เพียงพอแล้ว แต่ทั้งนี้ได้หวังไว้เล็กๆ ว่า รัฐบาลจะออกเป็นหนังสือโฉนดชุมชนให้ในเร็ววัน

ส่วนด้าน นายสมพงษ์ ขลุกเฉี้ยง อายุ 47 ปี ผู้ประสานงานเครือข่ายรักเทือกเขาบรรทัดบ้านคอกเสือ อยู่บ้านเลขที่ 250 ม.8 ต.บ้านา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง กล่าวว่า จากสภาพปัญหาดังกล่าวนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากชาวบ้านโดนรังแกขดขี่ข่มแหงจากหน่วยงานภาครัฐ จำเป็นต้องลุกขึ้นสู้ ด้วยการรวมกลุ่มอนุรักษ์ป่ากันเอง เพราะชาวบ้านรู้ว่าพื้นที่ใดสามารถเข้าทำกินได้พื้นที่ใดเป็นเขตป่าสมบูรณ์ของอุทยาน

โดยมีเสาหลักแนวเขตแบ่งชัดเจน ที่ทางป่าไม้ภาค 6 สงขลา นำมาปักไว้ให้ โดยเสาปูนดังกล่าวได้ทาสีแดงหันหน้าเข้าหาป่าสมบูรณ์ เพื่อบ่งบอกให้ชาวบ้านรู้ว่าห้ามบุกรุก ซึ่งตรงนี้ชาวบ้านเข้าใจดี แต่มีบางครั้งโดนเจ้าหน้ากลั่นแกล้ง กลับหันเสาแนวเขตที่ทาด้วยสีแดงเข้ามาทางฝั่งพื้นที่ที่ชาวบ้านทำมาหากินอยู่ ซึ่งตนคิดว่าตรงนี้ไม่ถูกต้อง จึงได้มีการรวมกลุ่ม เพื่อลุกขึ้นต่อสู้กับอำนาจรัฐดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีสวนยางพาราของชาวบ้านบางราย ที่พร้อมจะทำการโค่นล้ม แต่ไม่สามารถโค่นล้มได้ เพราะเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่ยอมเซ็นต์อนุญาตให้ ในขณะที่พื้นที่ของนายทุนซึ่งอยู่บนยอดเขากำลังโค่นล้มพร้อมทั้งจุดไฟเผา เพื่อทำการปลูกใหม่อยู่ต่อหน้าต่อตา และไม่เคยถูกดำเนินคดี ทั้งนี้หากชาวบ้านยอมจ่ายไร่ละ 5,000 บาท ทุกอย่างก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ตามขั้นตอนและปลูกใหม่โดยไม่ต้องถูกดำเนินคดี


กำลังโหลดความคิดเห็น