ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กรมทรัพย์สินทางปัญญาเปิดป้ายพร้อมเดินรณรงค์แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้ซื้อสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ภูเก็ต จากที่ภูเก็ตเป็นหนึ่งในพื้นที่สีแดงที่มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมาก เผยใช้ทั้งมาตรการรณรงค์และปราบปรามไปพร้อมกัน และแก้กฎหมายการดำเนินคดีกับผู้ละเมิดให้เข้มงวดขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดป้ายและมอบป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวให้กับทางท่าอากาศยานภูเก็ต พร้อมทั้งได้เดินรณรงค์สร้างจิตสำนึกไม่ให้นักท่องเที่ยวซื้อและนำสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ออกนอกประเทศไทย โดยได้มีการเดินรณรงค์ในช่วงเย็นที่บริเวณซอยบางลา ห้างจังซีลอน และถนนเรียบชายหาด
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวในครั้งนี้ ถือเป็นมาตรการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาประการหนึ่ง ที่จะช่วยลดปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และกดดันทางการค้าจากประเทศคู่ค้าได้ โดยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้เปิดและมอบป้ายดังกล่าวให้กับทางอากาศยานสุวรรณภูมิไปแล้ว โดยที่ภูเก็ตถือว่าเป็นแห่งที่สองและจะดำเนินการทุกท่าอากาศยานนานาชาติ
ทั้งนี้ เพื่อแจ้งให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติไม่ให้ซื้อสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา นำเข้า ถือเข้า หรือส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นมาตรการด้านการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และเพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติถูกดำเนินคดีโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รวมทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ต่างประเทศได้รับรู้ว่าประเทศไทยให้ความสำคัญในการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพราะการนำสินค้าปลอม หรือสินค้าละเมิดเครื่องหมายทางการค้าเข้าไปในยุโรปมีโทษที่แตกต่างกันออกไป เช่น ประเทศฝรั่งเศส มีโทษสูงสุด คือ จำคุก 3 ปี และโทษปรับสูงสุด 300,000 ยูโร หรือประมาณ 13,800,000 บาท และประเทศอิตาลีมีโทษปรับสูงสุด 10,000 ยูโร เป็นต้น
นายอลงกรณ์ กล่าวถึงการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย มีลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 จากที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการทั้งในเรื่องของการรณรงค์และการปราบปราม เพื่อที่จะปกป้องสินค้าภายในประเทศ เพราะ 90% ของสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้นนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งสิ้น ซึ่งจุดนี้ได้กำชับด่านตามแนวชายแดนทุกด่านในการสกัดกั้นไม่ให้สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเข้ามาภายในประเทศ
ส่วนกลุ่มผู้ค้านั้น ได้มีการให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกถึงผลเสียที่เกิดขึ้นจากการขายสินค้าระเมิดลิขสิทธิ์ และเน้นการปราบปราบแหล่งผลิต โกดัง และผู้ค้ารายใหญ่เป็นสำคัญ พร้อมทั้งในเร็วๆ นี้ จะมีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาให้ไม่สามารถยอมความกันได้ในขั้นจับกุมคดี แต่ต้องการให้ไปสิ้นสุดในขบวนการของศาลยุติธรรม