xs
xsm
sm
md
lg

ตร.นครศรีงานเข้า หลังของกลางหายจากโรงพัก เจ้าทุกข์ฟ้องร้องกว่า 8 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นครศรีธรรมราช - คดีจตุคามรามเทพอันลือลั่น “มือปราบหน้าผี” สรรเพชรญ์ ฟ้อง “โกผ่องร่างทรงจตุคามชื่อดัง” ท้ายสุดศาลฎีกายกฟ้องเจ้าตัวขอรับของกลางคืน-ตร.นครศรีงานข้าวของกลางรุ่นแรกหายอื้อ “โกผ่องเดือด” โจรในเครื่องแบบ เตรียมฟ้องกราวรูด สำนักงาน ตร.แห่งชาติยันท้องที่ เรียกค้าเสียหายกว่า 8 ล้าน

คดีอันลือลั่นลิขสิทธิ์จตุคามรามเทพหลังจากที่ พล.ต.ท.สรรเพชร ธรรมาธิกุล อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจและอดีตผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เจ้าของฉายา “มือปราบหน้าผี” ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.ประเสริฐ ริยาพันธ์ ผกก.สภ.เมือง นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2544 ในขณะนั้นให้ดำเนินคดีกับ นายอะผ่อง สกุลอมร กับน้องอีก 3 คน มี นายอนันต์ แซ่ตัน นายอนุชิต สกุลอมร และนางจิระภา แซ่ตัน

โดยกล่าวหาว่าร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์องค์จตุคามรามเทพ ซึ่ง พล.ต.ท.สรรเพชร อ้างว่าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการบุดยึดวัตถุมงคลต่างๆ ที่บ้านของ นายอะผ่อง อาทิ เหรียญแสตมป์รูปเศียรจตุคาม, ผ้ายันต์จุตคามแบบต่างๆ ซึ่งเป็นของเก่าที่นายอะผ่อง เก็บสะสมไว้ช้านานแล้วตั้งแต่ปี 2528-2538 และต่อมาอัยการได้ส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งในการสืบพยานโจทย์ และจำเลยได้มีการต่อสู้หักล้างด้วยพยานหลักฐานในชั้นศาลอย่างเข้มข้น

แต่ในท้ายที่สุดศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินยกฟ้องคดีมาตามลำดับ และศาลฏีกาได้ พิจารณาเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2551โดยระบุว่า การพิจารณาเจตนาการสร้าง ขั้นตอนวิธีการต่างๆ แล้ว ลิขสิทธิ์เสาหลักเมืองนครศรีธรรมราช และวัตถุมงคลที่เกี่ยวข้อง พล.ต.ท.สรรเพชญไม่ใช่ผู้สร้างสรรค์ จึงไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ แม้ว่าจะไปยื่นจดทะเบียนต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา

แต่นำสืบได้ว่า พล.ต.ท.สรรเพชญเป็นผู้ร่วมคิด เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างศาลหลักเมือง แต่ไม่ใช่ผู้ออกแบบสร้างสรรค์วัตถุมงคลดังกล่าวตามครรลอง การที่ฟ้องจึงไม่มีสิทธิ์ฟ้อง พิพากษาให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ และให้คืนของกลางทั้งหมดแก่นายอะผ่องตามข่าวที่ได้มีการนำเสนอ และเป็นที่สนใจในสังคมและวงการพระเครื่องมาโดยตลอด

ล่าสุด วันนี้ (5 มิ.ย.) นายอะผ่อง สกุลอมร ร่างทรงจตุคามชื่อดัง ซึ่งเป็นร่างทรงเมื่อครั้งที่ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ร่วมทำพิธีในการสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อกว่า 20 ปีก่อน พร้อมด้วยคณะญาติและผู้ที่เคารพนับถือได้เดินทางไปยังสภ.เมือง นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยทนายความ เพื่อติดต่อขอรับของกลางที่ยึดไว้คืน โดยของกลางที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไปเมื่อปี 2544 ประกอบด้วย พระบูชา 9 เศียร, 7เศียร, 5เศียร จำนวน 9 องค์ ผ้ายันต์ 4 พันกว่าผืน และเหรียญแสตมป์ (ทองแดง) 34 เหรียญ ตามบัญชีที่มีการตรวจยึด และมีอยู่ที่นายอะผ่องเป็นหลักฐานในการขอคืน

และเมื่อได้มีการตรวจสอบของกลางทั้งหมดนั้น พบว่า ผ้ายันต์จตุคามรามเทพรุ่นแรก หายไป 1,652 ผืน และเหรียญแสตมป์จตุคามประเภทเหรียญทองแดงหายไปทั้งหมดคือ 34 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าเสียหายทั้งหมด 8,430,000บาท ซึ่งทางทนายความของนายอะผ่อง ได้มีการสอบถามว่าของกลางดังกล่าวหายไปไหน แต่ทางตำรวจ พ.ต.อ.ภูดิส นรสิงห์ผกก.สภ.เมือง นครศรีธรรมราช คนปัจุบันยืนยันว่าไม่ทราบ เพราะมารับตำแหน่งในภายหลัง หลายปีหลังจากเกิดเรื่อง ซึ่งทางนายอะผ่องได้มอบหมายให้ทนายความได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และเรียกค่าเสียหายเป็นเงินทั้งสิ้น 8,430,000 บาท แล้วในคดีหมายเลขดำที่ 353/2552

นายอะผ่อง สกุลอมร ระบุว่า ของกลางที่สูญหายไม่น่าจะเป็นฝีมือของชาวบ้าน หรือขโมยทั่วไปน่าจะเป็นขโมยในเครื่องแบบอย่างแน่นอน เพราะของกลางทั้งหมดอยู่ที่กรงขังของตำรวจ แต่ยังหายได้ นับประสาอะไรที่จะดูแลความสงบเรียบร้อยในชีวิต และทรัพย์สินของชาวบ้านได้ ซึ่งของกลางดังกล่าวนั้น ได้ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีภายในห้องเก็บของกลางของ สภ.เมือง แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะหายดังนั้น โดยปกติคนธรรมดาชาวบ้านคงไม่สามารถที่จะเดินเข้าไปในห้องเก็บของกลางแล้วเอาของพวกนี้ไปได้อย่างแน่นอน

สำหรับคดีดังกล่าวนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อครั้งที่ พล.ต.ท.สรรเพชญ ได้ยื่นฟ้องนายอะผ่อง และพวกนั้นในประเด็นของการจัดสร้างละเมิดลิขสิทธิ์ ได้สร้างความหวั่นวิตกให้กับนายทุน และนักสร้างจตุคามรามเทพอีกหลายราย เนื่องจากมีคิวที่จะต้องถูกฟ้องร้องเช่นกันแต่หลังจากที่ศาลได้ยกฟ้องแล้วนั้น ได้สร้างความโล่งอก เนื่องจากขณะนั้นมีการคาดการณ์กันว่าจะมีการเรียกค่าเสียหายนับร้อยล้านบาททีเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น