ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – แม่ทัพภาคที่ 4 ปรับกลยุทธ์แก้ปัญหาไฟใต้ เร่งให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงประชาชนให้มากขึ้น เพื่อเป็นการผลักดันให้ประชาชนในระดับรากหญ้า ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมมากขึ้น
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ห้องจามจุรี โรงแรมซากุระ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลโท พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง นโยบายการปรับปรุงงานด้านยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ประจำปี 2553 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 มิถุนายน 2552
ในวันสุดท้ายนี้ ได้มีการแถลงผลการสัมมนากลุ่มย่อยจำนวน 3 กลุ่ม เพื่อเป็นเวทีในการแสดงความคิดเห็น และร่วมกันหาแนวทาง ในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
พลโท พิเชษฐ์ เปิดเผยว่า การปรับปรุงงานด้านยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ครั้งนี้ ไม่ได้แตกต่างไปจากแนวทางในด้านอื่นๆ ที่ผ่านมา เพียงแต่ทุกหน่วยงาน และทุกภาคส่วนจะต้องจริงจัง จริงใจ และมีอุดมการณ์ในการทำงานในพื้นที่ให้มากขึ้น โดยที่จะต้องรู้ว่าองค์กรหลักในการทำงานคือใคร เพื่อที่จะได้ประสานการทำงานให้มีความต่อเนื่อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
สำหรับแนวโน้มของเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ คาดว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยังคงจะใช้ยุทธวิธีเดิม คือ การก่อกวนความไม่สงบต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งทางเจ้าหน้าก็ยังคงเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงต่อไป
ที่สำคัญคือ ทางเจ้าหน้าที่จะต้องเร่งทำงานให้เข้าถึงประชาชนให้มากขึ้น เพื่อเป็นการผลักดันให้ประชาชนในระดับรากหญ้าได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมมากขึ้น ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของทางรัฐบาล และเป็นการแสดงความจริงใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่ห้องจามจุรี โรงแรมซากุระ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลโท พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานปิดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง นโยบายการปรับปรุงงานด้านยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ประจำปี 2553 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 มิถุนายน 2552
ในวันสุดท้ายนี้ ได้มีการแถลงผลการสัมมนากลุ่มย่อยจำนวน 3 กลุ่ม เพื่อเป็นเวทีในการแสดงความคิดเห็น และร่วมกันหาแนวทาง ในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
พลโท พิเชษฐ์ เปิดเผยว่า การปรับปรุงงานด้านยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ครั้งนี้ ไม่ได้แตกต่างไปจากแนวทางในด้านอื่นๆ ที่ผ่านมา เพียงแต่ทุกหน่วยงาน และทุกภาคส่วนจะต้องจริงจัง จริงใจ และมีอุดมการณ์ในการทำงานในพื้นที่ให้มากขึ้น โดยที่จะต้องรู้ว่าองค์กรหลักในการทำงานคือใคร เพื่อที่จะได้ประสานการทำงานให้มีความต่อเนื่อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
สำหรับแนวโน้มของเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ คาดว่า กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบยังคงจะใช้ยุทธวิธีเดิม คือ การก่อกวนความไม่สงบต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งทางเจ้าหน้าก็ยังคงเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงต่อไป
ที่สำคัญคือ ทางเจ้าหน้าที่จะต้องเร่งทำงานให้เข้าถึงประชาชนให้มากขึ้น เพื่อเป็นการผลักดันให้ประชาชนในระดับรากหญ้าได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมมากขึ้น ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของทางรัฐบาล และเป็นการแสดงความจริงใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่