ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เอกชนทุ่มงบกว่า 3 ล้าน วิจัยขยายพันธุ์หอยมุก หวังปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเดือนละแสนตัว หลังสึนามิพัดถล่ม ทำวงจรชีวิตหอยมุกชนิดต่างๆ ขาดตอน เหตุพ่อแม่พันธ์สูญหาย ขณะที่ตลาดมุกในภูเก็ตไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจการซื้อขายยังดีอยู่
นายจิตติ อินทรเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท PHUKET PEARL FACTORY GROUP ซึ่งเป็นบริษัทผลิตมุกครบวงจรในจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการพัฒนาวิจัยเพาะขยายพันธุ์หอยมุกจาน หอยมุกแคระ หอยมุกกัลปังหา เพื่อเพิ่มจำนวนหอยมุกกลับสู่ธรรมชาติ รวมทั้งฟื้นฟูวิถีชีวิตให้แก่ชาวไทยใหม่ในจังหวัดภูเก็ตว่า ขณะนี้ บริษัท PHUKET PEARL FACTORY GROUP ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขต ภูเก็ต พัฒนาวิจัยเพาะขยายพันธุ์หอยมุก เพื่อปล่อยกลับลงสู่ธรรมชาติ รวมทั้งเพื่อต่อยอดการประกอบอาชีพของชาวไทยใหม่
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันนี้ลูกหอยมุกจากธรรมชาติมีจำนวนน้อย เพราะในช่วงที่เกิดเหตุสึนามิพัดถล่มอันดามัน ได้ส่งผลกระทบต่อวงจรชีวิตของหอยมุกในธรรมชาติ ที่ทำให้วงจรชีวิตของหอยมุกขาดตอน จากพ่อแม่พันธุ์หอยสูญหาย จึงจำเป็นที่จะต้องหาแนวทางในการเพิ่มจำนวนหอยมุกกลับสู่ธรรมชาติ ซึ่งการส่งเสริมการเพาะขยายพันธุ์หอยมุกดำเนินการใน 3 ชนิดหอยมุก คือ หอยมุกจาน หอยมุกแคระ หอยมุกกัลปังหา ซึ่งเป็นหอยมุกที่นำมาใช้ในการผลิตมุก
สำหรับการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการระยะแรกใช้งบประมาณจำนวน 3 ล้านบาท คาดว่าการปล่อยลูกหอยมุกชุดแรกจะทำได้ในช่วงกลางปีหน้า ตั้งเป้าปล่อยลูกหอยกลับลงสู่ทะเลเดือนละ 1 แสนตัว โดยให้ชาวไทยใหม่ซึ่งเคยดำน้ำจับหอยมาขายให้แก่บริษัทนำลูกหอยมุกไปปล่อยกลับลงสู่ทะเลในแหล่งที่เคยจับหอย เชื่อว่าหลังจากที่ปล่อยลูกหอยกลับไปสู่ทะเลแล้ว จะทำให้สถานการณ์ของหอยมุกในทะเลกลับมาสมบูรณ์ขึ้น และหอยที่ปล่อยลงไปจะสามารถไปขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนได้อีก และทุกๆเดือนบริษัทก็จะนำหอยไปปล่อยเพิ่มในทะเลด้วย
การปล่อยหอยกลับสู่ทะเล จะดำเนินการต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะเพิ่มจำนวนหอยมุกในทะเลแล้วยังเป็นการสร้างอาชีพให้แก่ชาวไทยใหม่ ที่เดิมเขามีอาชีพดำน้ำเก็บหอยขายอยู่แล้ว แต่เมื่อมีปัญหาจำนวนหอยลดน้อยลงชาวไทยใหม่เหล่านี้ก็ต้องเปลี่ยนอาชีพไปทำอย่างอื่นๆซึ่งไม่ตรงต่อวิถีชีวิตของชาวไทยใหม่ ซึ่งหอยที่จะนำไปปล่อยนั้นจะเป็นหอยที่มีอายุประมาณ 1 ปี
นายจิตติยังได้กล่าวต่อไปถึงตลาดมุกในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ในช่วงเศรษฐกิจของโลกซบเซา ว่า ภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดซื้อขายมุกมากนัก ในส่วนของตลาดคนไทยไม่ได้รับผลกระทบเลย โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยมีความวุ่นวาย คนไทยเดินทางลงมาเที่ยวทะเลมาก ทำให้ยอดการจำหน่ายมุกในภูเก็ตดีไปด้วย และคนที่ซื้อมุกส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีกำลังในการใช้จ่าย เพราะมุกเป็นเครื่องประดับที่เมื่อซื้อไปแล้วไม่สามารถที่จะนำไปเปลี่ยนเป็นเงินได้ หรือนำไปจำนำได้ยาก ส่วนแนวโน้มของตลาดมุกถือว่ายังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ภาวะเรื่องของเศรษฐกิจไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด