xs
xsm
sm
md
lg

อดีต “ผอ.ศอ.บต.ปชป.” โดดหนุน-ชี้ทางดับไฟใต้ต้องแยกคดีมั่นคง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ผอ.ศอ.บต.ปชป.
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – “โฆษก กอ.รมน.ภ.4 ส่วนหน้า” ชี้เกิดเหตุไฟใต้รุนแรงถี่ขึ้นในเวลานี้ เพราะฝ่ายตรงข้ามต้องการข่มขวัญแล้วแย่งชิงมวลชนไปจากภาครัฐ พร้อมแจงไม่เกี่ยวกับการพิจารณางบประมาณ ด้านนักวิชาการสันติวิธีและแกนนำภาคเอกชนใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ประสานเสียง หนุนรัฐให้แยกแยะคดีความมั่นคงออกจากคดีอาชญากรรมธรรมดา เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการหาทางออกให้กับวิกฤตไฟใต้ ขณะที่ รองเลขาพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เคยทำหน้าที่ “ผอ.ศอ.บต.ปชป.” จี้ทุกฝ่ายอย่างด่วนสรุปว่าเป็นฝีมือใคร ย้ำต้องตรวจสอบพยานหลักฐานให้แน่ชัดก่อนทำความกระจ่างกับสังคม

ทหารยันเกมแย่งชิงมวลชนฝ่ายตรงข้าม

พ.อ.ปริญญา ฉายดิลก หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์และโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภ.4 ส่วนหน้า) เปิดเผยถึงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ในห้วงเวลานี้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แถมยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้อย่างไร ว่า เป็นเพราะการทำงานแก้ไขปัญหาความไม่สงบในชายแดนใต้ของเจ้าหน้าที่รัฐในช่วงที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จอย่างมาก โดยสามารถแย่งชิงมวลชนกลับมาให้ความร่วมกับรัฐได้จำนวนมาก ทำให้กลุ่มก่อความไม่สงบที่มีขบวนการอยู่เบื้องหลังต้องการทำสงครามหนักขึ้นเพื่อแย่งชิงมวลชนกับไปให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้ การแย่งชิงมวลชนของกลุ่มก่อความไม่สงบดังกล่าวได้เลือกใช้วิธีการก่อเหตุร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากต้องการข่มขู่และสร้างความสะเทือนขวัญ ร่วมถึงได้สร้างกระบวนการข่าวลือต่างๆ นานา เพื่อต้องการใส่ร้ายป้ายสี ว่า เหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นเหล่านั้นล้วนเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ตอบโต้เพื่อหวังเรียกพลังมวลชนให้หันหลังให้กับภาครัฐ แล้วกลับไปพึ่งพิงฝ่ายตรงข้าม แต่อย่างไรก็ตาม พ.อ.ปริญญา ยังยืนยันว่า แนวโน้มการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ยังคงลดลงอย่างที่เคยกล่าวไว้แล้ว

สำหรับเหตุการณ์กลุ่มผู้ไม่หวังดีใช้อาวุธสงครามกราดยิงชาวบ้านในมัสยิดขณะกำลังละหมาดที่ จ.นราธิวาสนั้น หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์และโฆษก กอ.รมน.ภ.4 ส่วนหน้า กล่าวว่า เรื่องนี้มิใช่คดีอาชญากรรมธรรมดาแน่นอน แต่เป็นปัญหาด้านความมั่นคงอย่างแท้จริง โดยเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบที่มีเครือข่ายเป็นขบวนการอยู่ในเบื้องหลัง เพียงแต่ในเวลานี้ภาครัฐยังไม่มีหลักฐานที่จะสามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นกลุ่มใดเท่านั้น

“ที่มีการบิดเบือนว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ผมขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าจะเป็นได้ก็เพียงความพยายามใส่ความให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนเท่านั้น เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐมีความต่อเนื่อง จนสามารถสร้างความได้เปรียบในการเข้าถึงประชาชนได้อย่างประสบผล ฝ่ายตรงข้ามจึงต้องกระทำทุกวิถีทางที่จะสร้างเงื่อนไขผลักดันประชาชนออกจากฝ่ายเรา” พ.อ.ปริญญา กล่าว

สำหรับข้อสังเกตที่ว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นถี่ในห้วงเวลานี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณางบประมาณด้านความมั่นคงที่จะถูกผลักดันให้ลงไปยังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พ.อ.ปริญญาให้ความเห็นในเรื่องนี้ ว่า ในเรื่องของการพิจารณางบประมาณเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และงบประมาณส่วนใหญ่ที่ผลักดันลงสู่พื้นที่ชายแดนใต้ก็ถูกนำไปใช้ในการช่วยเหลือประชาชน ประเด็นนี้จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายที่ดูแลด้านความมั่นคงแต่อย่างใด

นักวิชาการจี้รัฐแยกแยะคดีความมั่นคง

จากกรณีทหารหนุนนำทฤษฎีใหม่มาใช้คลี่คลายวิกฤตไฟใต้ โดยมุ่งเน้นในรัฐแยกแยะคดีความมั่นคงออกจากดีอาชญากรรมปกติ ที่เกิดจากฝีมือของกลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือขบวนการค้ายาเสพติ และนำหลักนิติวิทยาศาสตร์ไปใช้ในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีการประเมินว่านับตั้งแต่เกิดเหตุไฟใต้ปะทุคุโชนขึ้นมาระลอกใหม่ หลังเหตุการณ์ปล้นปืนจากค่ายทหารใน จ.นราธิวาสเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 เป็นต้นมานั้น ได้เกิดคดีความขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ยะลา ปัตตานีและนราธิวาส กับอีก 4 อำเภอของ จ.สงขลา ประกอบด้วย จะนะ เทพา นาทวีและสะบ้ายย้อย รวมแล้วกว่า 5 หมื่นคดี แต่ในจำนวนนี้มีเพียงประมาณ 9 พันคดี หรือไม่ถึง 1 ใน 5 ที่เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ที่เหลือเป็นคดีอาชญากรรมธรรมดาเท่านั้น

นายอัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการอิสระด้านสันติวิธี และอดีตกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์ (กอส.) ที่ศึกษาทางออกของวิกฤตไฟใต้ กล่าวว่า ภาครัฐต้องเร่งชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบในทุกๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้ โดยต้องทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจต่อสถานการณ์ เพราะระยะหลังๆ มานี้ หลังจากเกิดเหตุความรุนแรงได้มีข่าวลือและถูกกระพือว่า การก่อเหตุเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐเสียเอง จึงต้องเร่งทำให้เกิดความโปร่งใสให้ได้ว่า ใครเป็นผู้กระทำกันแน่ ทั้งนี้ ก็เพื่อสร้างความเข้าใจประชาชนให้ตรงกัน และต้องหาแนวทางไม่ให้เกิดเหตุสะเทือนซ้ำซ้อนขึ้นอีก

“เหตุร้ายที่เกิดขึ้นในมัสยิดที่ จ.นราธิวาส นั้น มีความอุกอาจและสะเทือนขวัญเป็นอย่างยิ่ง ชาวบ้านต่างตกตะลึงและเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย เพราะแม้แต่เวลาที่ประชาชนทำการละหมาดอยู่ในมัสยิด ซึ่งถือเป็นสถานที่ประกอบกิจทางศาสนาก็ยังเกิดเหตุขึ้นได้ โดยแม้ฝ่ายรัฐจะยืนยันว่าเหตุความรุนแรงลดลง แต่ก็ยังยังส่งผลต่อขวัญและกำลังใจคนในพื้นที่ และการทำงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาความไม่สงบนั้น ต่อไปนี้ควรจะต้องมีการบูรณาการทำงานในทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง อย่าทำเพียงเดินอยู่ด้านเดียวคือ เฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง” นายอัฮหมัดสมบูรณ์กล่าว

เอกชนประสานเสียงและหนุนตั้ง “สบ.ชต.”

ด้าน นายพจน์ ไพบูลย์เกษมสุทธิ์ ประธานหอการค้า 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา และสตูล) กล่าวว่า ที่ผ่านมา คนร้ายอาศัยจุดอ่อนในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐก่อเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นมา โดยไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะได้ป้องกันอย่างไรก็มีจุดโหว่ และแม้ประชาชนในพื้นที่ให้ความไว้วางใจต่อสถานการณ์ขึ้นเยอะแล้วก็ตาม ซึ่งที่แล้วมาภาคเอกชนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการระมัดระวังตังเอง โดยเฉพาะใน จ.ยะลา เองหลังเกิดเหตุป่วนในเขตเทศบาลนครยะลาหลายจุด หน่วยงานที่รับผิดชอบจะมีการเรียกประชุมผู้ประกอบการภาคธุรกิจในพื้นที่เพื่อเตรียมทบทวนการป้องกันเหตุร้ายกันอีกครั้งว่าจะร่วมดูแลความปลอดภัยซึ่งกันและกันได้อย่างไร

นายพจน์ กล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นี้ ทหารทุ่มกำลังใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นทุกปี และใช้เวลาปฏิบัติงานอีกนาน และตราบเท่าที่กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงยังอยู่ในพื้นที่ก็ยังควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแนวความคิดของผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หรืออยู่ในขบวนการเคลื่อนไหวก่อเหตุได้ รวมทั้งการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องคดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ว่า คดีไหนเป็นคดีด้านความมั่นคง ซึ่งรัฐต้องดำเนินการเป็นรูปธรรม เพราะมีคดีอาชญากรรมธรรมดาแอบแฝงอยู่มากมาย อันเป็นเหมือนเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ ซึ่งในภาคธุรกิจได้ร้องขอให้หน่วยงานราชการแก้ข่าวทำให้สังคมรับรู้ แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ เลย

สำหรับการนำคณะเยือนประเทศมาเลเซียของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการตกลงร่วมมือช่วยเหลือด้านการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการร่วมมือแนวทางคลี่คลายไฟใต้ นายพจน์ กล่าวว่า จากการที่ตนได้ติดตามดูมาในหลายๆ รัฐบาล ทำให้ไม่อยากตั้งความหวังถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับวิกฤตปัญหาไฟใต้มากนัก ยกเว้นเรื่องการตั้งสำนักบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สบ.ชต.) ที่เคยผลักดันโดยพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด ซึ่งถ้าเกิดขึ้นได้จริงก็หวังว่าจะทำให้การทำงานดับไฟใต้เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นรูปธรรม โดยมีการบริหารงานราชการต่างๆ ที่คล่องตัวขึ้น

อดีต “ผอ.ศอ.บต.ปชป.” ก็เห็นพ้อง

ด้าน นายนิพนธ์ บุญญามณี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในสมัยพรรคยังเป็นฝ่ายค้านได้เคยถูกวางตัวให้ทำหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ (ผอ.ศอ.บต.ปชป.) กล่าวว่า สำหรับตนยังคงติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้มาต่อเนื่อง และก็ได้รายงานให้กับทางพรรคประชาธิปัตย์ได้รับทราบทั้งปัญหาและแนวทางการคลี่คลายมาโดยตลอดเช่นกัน ซึ่งระหว่างที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงระลอกใหม่ห้วงเวลานี้ตนก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพรรคในฐานะที่เป็นแกนรัฐบาล หรือรัฐมนตรีของพรรคที่เกี่ยวข้องจะนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์หรือไม่อย่างไร

“สำหรับเหตุรุนแรงที่เพิ่งเกิดขึ้นตอนนี้ ผมไม่อยากให้มีการออกมาระบุว่าเป็นฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ หรือกลุ่มนั้น กลุ่มนี้เป็นผู้กระทำ แต่ทุกหน่วยงานภาครัฐจะต้องกล้าเปิดเผยทุกความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับสังคม โดยเฉพาะการติดตามตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ จนเมื่อสามารถชี้ชัดว่าเป็นฝีมือกลุ่มไหนกระทำกันแน่นแล้วจึงค่อยออกมาระบุให้สังคมรับทราบ” นายนิพนธ์ กล่าว ซึ่งก็สอดรับกับที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีการแยกแยะคดีความมั่นคงออกจากคดีอาชญากรรมธรรมดาให้ชัดเจนนั่นเอง

ส่วนที่มีการระบุว่า สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ เป็นผลจากกำลังจะมีการผลักดันงบประมาณด้านความมั่นคงผ่านสภา หรือกรณีเป็นการโต้ตอบของฝ่ายตรงข้ามต่อคดีเหตุการณ์ตากใบที่มีแนวโน้มว่าจะไม่มีการลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งเป็นปัญหาที่เชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่นั้น รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับคดีตากใบเพราะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานมนานมากแล้ว ส่วนกรณีการผลักดันงบประมาณเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ตนเป็นเพียง ส.ส.ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายในเรื่องนี้ได้ และในกรณีของปมปัญหาการเมืองก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
กำลังโหลดความคิดเห็น