“ผบ.สส.” ยันสร้างเขื่อนกันตลิ่งพังที่แม่น้ำกระบุรีไม่กระทบความสัมพันธ์กับพม่า

ระนอง- “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด” พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจราชการพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดนฝั่งจังหวัดระนอง พร้อมยืนยันการก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งพังแม่น้ำกระบุรีของไทย ไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับประเทศพม่า ที่มีพรมแดนติดกัน

วันนี้ (8 มิ.ย.) พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการป้องกันตลิ่งพังของแม่น้ำกระบุรี ที่แบ่งเขตแดนประเทศไทยกับประเทศพม่า บริเวณบ้านคลองวัน พื้นที่หมู่ 5 ต.มะมุ อ.กระบุรี จ.ระนอง เนื่องจากตลอดแนวของแม่น้ำกระบุรี ในเขตตำบลมะมุ ต.น้ำจืด และ ต.ปากจั่น ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร มีการกัดเซาะตลิ่งจนพังเสียหายรวม26 จุด ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดน และร่องน้ำเปลี่ยนทิศทาง ซึ่งทางจังหวัดกำลังเร่งแก้ไขปัญหา

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางไปตรวจสภาพภูมิประเทศบริเวณเกาะตายิ้ม ซึ่งเป็นเกาะกลางแม่น้ำกระบุรี ที่บ้านหาดจิก หมู่ 5 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี ที่เกิดจากการเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำ ซึ่งอาจจะทำให้เป็นปัญหาเรื่องของเส้นเขตแดนในอนาคต โดยมีนายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ และรายงานข้อเท็จจริง

นายกุมพล พฤฒิพฤกษ์ วิศวกรชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดระนอง กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองได้มอบหมายให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดระนอง สำรวจ และออกแบบการก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งพัง ซึ่งตลอดระยะทางแนวชายฝั่งแม่น้ำกระบุรี เขต ต.มะมุ ต.น้ำจืด และ ต.ปากจั่น ระยะทาง 10 กิโลเมตร มีการกัดเซาะชายฝั่งรวม 26 จุด มีพื้นที่ได้รับความเสียหายไปแล้วประมาณ 97 ไร่

ทั้งนี้ ได้มีการก่อสร้างเขื่อนไปแล้ว 2 จุด ในปีงบประมาณ 2552 นี้ กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้สนับสนุนงบประมาณให้ก่อสร้างอีก 2 จุด คือ ที่บ้านคลองวัน หมู่ 5 ต.มะมุ ระยะทาง 200 เมตร งบประมาณ 14 ล้านบาทเศษ และบ้านทับหลี หมู่ 4 ต.มะมุ ระยะทาง 1,000 เมตร งบประมาณ 55 ล้านบาท และปี 2553 ใช้งบพัฒนาจังหวัดก่อสร้างอีก 2 จุด งบประมาณ 36 ล้านบาท ส่วนที่เหลือขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ผ่านรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดระนอง

ด้าน นายจรัญ ลำดวน นายก อบต.มะมุ กล่าวว่า อบต.ไม่มีงบประมาณเพียงพอ ที่จะก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งพัง แต่ได้พยายามใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านมาแก้ไขปัญหาเบื้องต้น โดยการนำยางนอกของรถบรรทุกสิบล้อ มาผูกติดกัน แล้วนำก้อนหิน และทรายมาใส่แล้ววางตามแนวตลิ่งที่ถูกกัดเซาะมาก แต่ก็ทำได้เพียงการบรรเทาเท่านั้น การก่อสร้างเขื่อนกันตลิ่งแบบถาวรเป็นสิ่งที่จำเป็น

ขณะที่ นายสำรวม ธนบัตร อายุ 48 ปี ผู้ครอบครองเกาะตายิ้ม กล่าวว่า เกาะตายิ้มมีพื้นที่ 8 ไร่เศษปัจจุบันตนได้ขึ้นไปทำสวนปาล์ม ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีปัญหากับทหารพม่า ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผืนดินดังกล่าวกลายเป็นเกาะกลางน้ำนั้น เกิดจากผู้ที่ทำไม้ในอดีตไปขุดร่องน้ำลัดจากแม่น้ำกระบุรีเดิม เพื่อความสะดวกในการชักลากไม้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้กระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งจนกว้างขึ้นเหมือนกับแม่น้ำ

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า พื้นที่เกาะตายิ้ม มีภาพถ่ายทางอากาศที่ชัดเจน ทั้งของเก่า และของปัจจุบัน ที่เปรียบเทียบกันแล้วว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตแดนไทย และมีพยานบุคคล ที่ยืนยันถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเส้นทางน้ำไหล ซึ่งต้องยึดร่องน้ำลึกเดิมที่ทำไว้กับประเทศอังกฤษ ส่วนการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพัง ตามแนวแม่น้ำกระบุรีนั้น พื้นที่ใดเหมาะสมก็ต้องพูดคุยถึงความจำเป็น ให้ทางฝ่ายพม่าทราบ แล้วดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

พม่าก็คงทำเช่นเดียวกับเรา ถ้าบริเวณใดถูกกัดเซาะต้องรักษาพื้นที่ไม่ให้สูญเสียไป การดำเนินการในบริเวณชายแดนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องละเอียดรอบคอบ และนำข้อเท็จจริงหลายๆ ด้าน มาพิจารณาประกอบกันไป แล้วนำมาหารือกัน ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมา ยังไม่ส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแต่อย่างใด

จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางไปเป็นประธานการประชุมกองอำนวยการปฏิบัตินโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ กอ.นชท.ด้านพม่า ที่โรงแรมทินิดีระนอง โดยเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศพม่า มีผู้ว่าราชการจังหวัด 10 จังหวัด ที่มีชายแดนติดกับประเทศพม่า และหน่วยทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ภาคที่ 3 และภาคที่ 4 เข้าร่วมประชุม แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังแต่อย่างใด