ระนอง- ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือเหตุน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน และดินโคลนถล่ม หลังยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่
นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวภายหลังจากประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปสถานการณ์การเกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดระนอง หลังจากที่ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนในเขตเทศบาลเมืองระนอง และเทศบาลตำบลบางริ้น จำนวนหลายจุดเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 3 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนเนื่องจากไม่สามารถขนย้ายสิ่งของได้ทัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ในระยะแรกนี้ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน โดยให้หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง องค์การบริหารส่วนจังหวัดเทศบาลเมือง และเทศบาลตำบลบางริ้น ไปขุดเลือกคูคลองที่ตื้นเขิน และเอาเศษขยะที่กีดขวางทางน้ำออก เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวกมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องขอความร่วมมือประชาชนที่รุกล้ำคูคลองปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำให้รื้อถอน
หากไม่ได้รับความร่วมมือก็ต้องให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการตามกฎหมายเพื่อส่วนรวม ส่วนเทศบาลเมืองระนองขอให้จัดเตรียมกระสอบทรายให้พร้อมหากประชาชนมีความจำเป็นสามารถนำไปใช้ได้ทันที และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเครื่องจักรกล เครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ และกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน นายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระนอง กล่าวว่าจากอิทธิพลลมมรสุมในช่วงสองวันที่ผ่านมาทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่จังหวัดระนอง ส่งผลให้เกิดอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นาของราษฎรได้รับความเดือดร้อน3 อำเภอ คือ อ.กระบุรี 7 ตำบล 45 หมูบ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 9,968 คน 1,953 ครัวเรือน ถนนชำรุดเสียหาย 12 สาย
อำเภอละอุ่น 7 ตำบล 30 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,673 คน 615 ครัวเรือน ถนนชำรุด 15สาย สะพาน 2 แห่ง คอสะพาน 2 แห่ง ท่อระบายน้ำ 15 แห่ง และอำเภอเมืองน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลตำบลบางริ้น ผู้ประสบภัย 200 ครัวเรือน3,211 คน ซึ่งระดับน้ำได้ลดระดับสู่ภาวะปกติแล้ว
นายเจษฎา กล่าวว่า สาเหตุที่น้ำไหลหลากเข้าท่วมในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลตำบลบางริ้น เมื่อตอนเช้ามืดที่ผ่านมาเกิดจากมีสิ่งขีดขวางการไหลของน้ำ ส่งผลให้การระบายออกของน้ำล่าช้าและทิศทางการไหลของน้ำเปลี่ยนแปลง เนื่องมาจากคูคลองต่างๆ ถูกบุกรุก ตื้นเขิน และมีเศษขยะ สิ่งปฏิกูลต่างๆ