ระนองเพิ่มความเข้มมาตรการด่านตรวจ หลังมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว เผยสั่งย้ายตำรวจออกนอกพื้นที่แล้ว 4 นาย
พ.ต.อ.วิทูร ธรรมรักษา รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ระนอง เปิดเผยว่า จากการที่มีข่าวว่ามีชื่อตำรวจภูธรในเขตพื้นที่จังหวัดระนองหลายนายมีรายชื่ออยู่ในบันทึกการใช้จ่ายของนายคงศักดิ์ อดุลเดชากุล อายุ 36 ปี และนางวิไลลักษณ์ อดุลเดชากุล อายุ 38 ปี เอเย่นต์ค้าแรงงานพม่ารายใหญ่อันดับต้นๆ ของ จ.ระนอง ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคาบ้านพักเลขที่ 74/74 หมู่ 5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง ในขณะที่เตรียมขนแรงงานต่างด้าวชาวพม่าหลบซ่อนอยู่ในรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ตอนเดียว หมายเลขทะเบียน บร-3198 สุราษฎร์ธานี จำนวน 21 คน และอีก 13 คน หลบซ่อนอยู่ในรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ 4 ประตู ป้ายแดงหมายเลข ฐ-1937 กรุงเทพฯ เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางไปยัง จ.ภูเก็ตนั้น ขณะนี้ทางกองบังคับการตำรวจภูธร จ.ระนองยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว โดยเฉพาะในกรณีที่มีรายชื่อตำรวจปรากฏอยู่ในสมุดบันทึกรายจ่ายของนายคงศักดิ์ แต่หากพบหลักฐานข้อมูลปรากฏชัดว่ามีตำรวจคนใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินการอย่างเฉียบขาดทั้งทางวินัย และอาญาอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.ต.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ระนอง ที่ประกาศเป็นนโยบายหลักของกองบังคับการตำรวจภูธร จ.ระนอง ที่ห้ามตำรวจในเขตพื้นที่ จ.ระนอง มีส่วนเข้าไปพัวพัน หรือมีประโยชน์กับแรงงานต่างด้าวโดยเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่ามีปัญหาบ้าง แต่ก็ได้มีการลงโทษไปแล้วเช่นเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาได้ไล่ออกตำรวจนายหนึ่งสังกัด สภ.เมืองระนอง ขณะที่ขนต่างด้าวออกนอกพื้นที่ ส่วนก่อนหน้านี้ได้มีการสั่งย้ายตำรวจจำนวน 4 นาย ออกนอกพื้นที่หลังจากสืบทราบชัดเจนว่ามีส่วนพัวพันหรือเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์เกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว
พ.ต.อ.วิทูร กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางตำรวจภูธรเมืองระนองได้ดำเนินการจับกุมและเข้มงวดในด้านการปราบปรามมาโดยตลอดจนมีสถิติการจับกุมสูงสุดในประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับจังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งๆ ที่การจับกุมและปราบปรามแรงงานต่างด้าวไม่ได้เป็นภารกิจหรือหน้าที่หลักของฝ่ายตำรวจ โดยหน้าที่หลักในการปราบปรามหรือจับกุมแรงงานต่างด้าวเป็นของ กอ.รมน.จังหวัดที่มี ผวจ.เป็นประธาน สำหรับสถิติการจับกุมของตำรวจภูธรในเขตพื้นที่ จ.ระนองในปี 2550 มีการจับกุมแรงงานต่างด้าว, นายจ้าง, ผู้ประกอบการ, ผู้นำพา, ผู้ให้ที่พักพิง รวมทั้งหมด 214 คดี ในปี 2551 จับกุม 352 คดี ส่วนในปีนี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงวันที่ 28 พ.ค. มีการจับกุมรวมทั้งหมด 320 คดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการจับกุมและปราบปรามของเจ้าหน้าที่ตำรวจระนองได้เป็นอย่างดี
ด้าน นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ตนเตรียมที่จะเชิญผู้บังคับการที่ทำหน้าที่ดูแลด่านตรวจจำนวน 9 ด่านทั้งของตำรวจ, ทหาร ที่กระจายอยู่ทั่วจังหวัดระนอง เข้ามาพูดคุย และปรับรูปแบบการทำงานใหม่ หลังจากที่พบว่าการจัดวางกำลังของ จนท.เริ่มมีช่องโหว่ให้ผู้กระทำผิดใช้หลบเลี่ยงได้ รวมถึงเตรียมที่จะประสานกับทหาร ตำรวจ และทหารเรือ ในการวางแผนการจัดกำลังดูแลในเส้นทางน้ำ เนื่องจากทราบว่าขณะนี้ผู้กระทำผิดหรือกลุ่มค้าแรงงานต่างด้าวใช้เป็นช่องทางในการขนย้ายแรงงานต่างด้าว แทนเส้นทางรถยนต์ ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือแสวงหาผลประโยชน์ หรือรู้เห็นเป็นใจกับขบวนการค้าแรงงานต่างด้าว หากพบหลักฐาน หรือข้อมูลชัดเจนตนไม่เอาไว้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นนโยบายที่ชัดเจนที่ตนประกาศให้หัวหน้าส่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบแล้ว
นายวันชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากเพิ่มมาตรการความเข้มข้นในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องแล้ว ในส่วนของภาคเอกชนล่าสุดตนได้เรียกผู้ปรกอบการรถบรรทุก รถโดยสารในเขตพื้นที่ จ.ระนองทั้งหมดเพื่อขอความร่วมมือในการให้ช่วยตรวจสอบและเฝ้าระวังกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่คอยแฝงตัวไปกับรถโดยสารในลักษณะกองทัพมดทั้งนี้เพื่อช่วยกันป้องกันและปราบปรามการทะลักเข้ามาของแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะการทยอยเข้าสู่หัวเมืองชั้นใน
นายมนัส พิศุทธิกฤติยา ป้องกันจังหวัดระนอง กล่าวว่า ปัญหาแรงงานต่างด้าวในปัจจุบันที่ทะลักเข้าสู่หัวเมืองชั้นในเป็นจำนวนมากนั้นส่วนหนึ่งมาจากการปล่อยเกียร์ว่างของ จนท.ที่ดูแลตามด่านตรวจ ซึ่งหากปฏิบัติโดยเข้มงวดตนเชื่อว่ายากที่ขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวจะผ่านไปได้ ดังนั้น ประการสำคัญคือจะต้องปรับรูปแบบการทำงานของด่านตรวจต่างๆใหม่ โดยเฉพาะการสลับหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ หรือคาดโทษหากมีแรงงานต่างด้าวหลุดรอดจากด่านที่รับผิดชอบ