ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี “อัญชลี วานิช เทพบุตร” เผยภูเก็ตได้งบ 100 ล้านบาทผ่านทางกรมธนารักษ์ ศึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติภูเก็ต ที่ไม้ขาวแล้ว พร้อมของบก่อสร้างเป็นแพกเกจในปี 2554-2555
นางอัญชลี วานิช เทพบุตร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติภูเก็ตว่า โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติภูเก็ต รัฐบาลได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการ เนื่องจากที่ดินที่จะก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ เป็นที่ดินของกรมธนารักษ์ ที่บริเวณไม้ขาว ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จำนวน 150 ไร่ในเฟสแรก ซึ่งในปีงบประมาณ 2553 กรมธนารักษ์ได้ยื่นของบประมาณจำนวน 100 ล้านบาท เพื่อศึกษาออกแบบรายละเอียด และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ และงบประมาณดังกล่าวก็ได้รับการอนุมัติแล้วด้วย
ส่วนงบประมาณสำหรับก่อสร้างกรมธนารักษ์ได้นำเสนอเป็นแพกเกจ ทั้งงบศึกษาออกแบบรายละเอียดและงบก่อสร้าง ซึ่งงบก่อสร้างขอเป็นงบผูกพันในปีงบประมาณ 2554-2555 โดยเป็นงบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็งในงวดแรก 400,000 ล้านบาท
นางอัญชลีกล่าวต่อว่า ศูนย์ประชุมฯที่ภูเก็ตจะมีลักษณะคล้ายกับศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ที่กรุงเทพฯ ที่มีทั้งส่วนที่เป็นการจัดประชุมสัมมนา และการจัดแสดงสินค้าขนาดใหญ่เพื่อที่จะดึงกลุ่มตลาดประชุมสัมมนา หรือกลุ่ม Mice เข้ามาในภูเก็ตให้มากขึ้น
“หลายคนกลัวว่าการเลือกบริเวณไม้ขาวเป็นสถานที่ก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ จะมีปัญหาในการเดินทาง เพราะโรงแรมส่วนใหญ่ในภูเก็ตจะอยู่ตอนล่างของเกาะ ซึ่งปัญหานี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะขณะนี้ไม้ขาวมีโรงแรมเกิดขึ้นหลายแห่งแล้ว และเชื่อว่าเมื่อโครงการนี้เกิดขึ้นการลงทุนด้านโรงแรมจะเกิดตามมาอีกมาก รวมทั้งที่ไม้ขาวจะสามารถรองรับการจัดประชุมสัมมนาในพื้นที่กระบี่และพังงาได้อีกด้วย” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวในที่สุด
ฝันมากว่า 10 ปี ถ้าจะเกิดในรัฐบาลชุดนี้
สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าภูเก็ต เป็นโครงการที่มีการผลักดันกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว เพื่อที่จะดึงกลุ่มตลาดประชุมสัมมนาและแสดงสินค้าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เข้ามาภูเก็ตให้มากขึ้น ซึ่งครั้งแรกนั้น ททท.เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ ได้มีการศึกษารายละเอียดและออกแบบ โดยเลือกบริเวณปลายแหลมสะพานหินเป็นสถานที่ก่อสร้าง เพื่อให้ศูนย์ประชุมดังกล่าวเป็นแลนด์มาร์กในการสร้างจุดขาย แต่ถูกคัดค้านจากคนบางกลุ่มในพื้นที่ภูเก็ต ที่มองว่าจะเกิดปัญหาการจราจรในตัวเมืองภูเก็ต จึงได้ทำการศึกษาเลือกสถานที่ก่อสร้างแห่งใหม่โดยเลือกที่ ต.ไม้ขาว และสุดท้ายก็ได้ตัดสินใจเลือกที่ราชพัสดุแปลงที่ ภก.153 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
หลังจากจังหวัดตัดสินใจเลือกที่ราชพัสดุบริเวณไม้ขาว และเห็นว่าโครงการนี้หากต้องรองบประมาณจากภาครัฐคงจะเกิดขึ้นได้ยากมาก จึงเสนอที่จะให้เอกชนเข้ามาลงทุน โดยขณะนั้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ได้แสดงเจตจำนงสนใจเข้ามาลงทุนและได้เข้ามาหารือกับจังหวัด พร้อมทั้งออกแบบรายละเอียดเบื้องต้นมานำเสนอจังหวัดภูเก็ต แต่โครงการดังกล่าวต้องใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท จึงต้องเข้าพ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน ซึ่งเอกชนรายดังกล่าวมองว่าต้องใช้เวลานานในการดำเนินการตามระเบียบ พ.ร.บ.ร่วมลงทุนจึงได้ถอนตัวออกไปในที่สุด
จนรัฐบาลชุดปัจจุบัน ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ให้ความสำคัญกับโครงการนี้ เพื่อที่จะดึงตลาดกลุ่ม MICE เข้ามาภูเก็ตให้มากขึ้น จึงได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์เป็นเจ้าภาพในการของบประมาณมาดำเนินการ ซึ่งในเบื้องต้นคาดกันว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและสร้างเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2555 หากสามารถดำเนินการของบประมาณเป็นตามที่กรมธนารักษ์ได้ยื่นของบประมาณไปยังรัฐบาล