นครศรีธรรมราช - นายก อบต.-เจ้าอาวาสวัดโบราณ-ชาวบ้านร้อง ผบก.นครศรีธรรมราชตามพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่เมืองลานสกามีอายุไม่ต่ำกว่า 400-500 ปี หลังสูญไร้ร่องรอยตำรวจลั่นตั้งทีมล่าแก๊งมารศาสนา-ตามพระพุทธรูป
วันนี้ (25 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.นายโสภณ พรหมแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขุนทะเล อ.ลานสกา นครศรีธรรมราช พระสมุห์สุชาติ ธรรมกาโณ เจ้าอาวาสวัดใหม่ทอน กำนันผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านจากตำบลขุนทะเล อำเภอลานสกา ได้เข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เพื่อเร่งรัดในการติดตามพระพุทธสิหิงส์ ซึ่งเป็นพระรูปโบราณสำคัญคู่เมืองลานสกา จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ เนื่องจากคนร้ายบุกเข้าไปขโมยพระพุทธสิหิงค์พระประจำวัดใหม่ทอน ม.4 ต.ขุนทะเล อ.ลาน ซึ่งพระพุทธรูปดังกล่าว เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวบ้านเคารพบูชามาหลายชั่วอายุคน โดยได้สูญหายไปเมื่อ 4-5 วันที่ผ่านมา และทางเจ้าอาวาสวัดก็ได้ไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.บุญนำ บุญเอียด ร้อยเวร สภ.ลานสกา ไว้แล้ว
นายโสภณ พรหมแก้ว นายก อบต.ขุนทะเล กล่าวว่า พระพุทธรูปดังกล่าว ชาวบ้านเรียกกันว่า “พระพุทธสิหิงค์” หน้าตัก 13 นิ้ว สูงกว่า 1 ศอก เนื้อโลหะไม่ทราบชนิดซึ่งเป็นโลหะโบราณ ปางนั่งสมาธิ เป็นพระที่ชาวบ้านใน ต.ขุนทะเล ให้ความเคารพนับถือมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ ระบุว่า อายุของพระพุทธสิหิงค์องค์ดังกล่าวน่าจะไม่ต่ำกว่า 400-500 ปี คิดเป็นมูลค่าไม่ได้ เพราะเป็นพระเก่าแก่มาก สมัยก่อนชาวบ้านจะฝากไว้ตามบ้านเรือนของคนใหญ่คนโต หรือคนที่มีบารมีให้เก็บไว้แทนชาวบ้าน เพราะเกรงกันว่าหากอยู่ที่วัดจะสูญหาย และโจรผู้ร้ายจะไม่กล้าไปลักขโมย
กระทั่งเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเจ้าอาวาสวัด คือ ท่านพระสมุห์สุชาติชาติ ได้นำพระพุทธสิหิงค์ไปเก็บไว้ที่วัด เมื่อชาวบ้านทักท้วงทางเจ้าอาวาสบอกว่าไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นพระเก่าแก่ จึงนำไปตั้งไว้ในโรงธรรม ตั้งคู่กับพระพุทธรูปอีกองค์ ขณะเดี่ยวกันทางวัดเตรียมจัดงานยกช่อฟ้าอุโบสถทำให้มีคนเข้านอกออกในมากกว่าปกติ
ปรากฏว่า พระพุทธสิหิงค์องค์ดังกล่าวได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับพระพุทธรูปที่ตั้งคู่กัน ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถจับมือใครดมได้ แต่ก็ได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้ตำรวจติดตามโจรใจบาปรายนี้แล้ว
นายโสภณ กล่าวต่อไปว่า หลังจากชาวบ้านทราบจึงพากันสาปแช่งโจรใจบาปไม่ให้ได้ผุดได้เกิด และขอให้มีอันเป็นไปเวลาอันใกล้นี้ และเชื่อว่าคนที่ขโมยพระพุทธสิหิงค์จะอยู่ไม่เป็นสุขแน่ เพราะพระพุทธสิหิงค์องค์นี้เป็นพระศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพบูชาของคนในพื้นที่ซึ่งเขามีความห่วงแหนอย่างมาก เมื่อโดนคนร้ายขโมยทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าสูญเสียสิ่งที่รักบูชา และต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้พระพุทธรูปองค์นี้กลับคืนมา
“มันเป็นความรู้สึกที่รับไม่ได้ที่โจรใจบาปมาขโมยสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวบ้านไป”
ขณะที่ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในเรื่องนี้ถือเป็นมารศาสนาอย่างยิ่งแก๊งโจรกรรมวัตถุโบราณและพระพุทธรูปโบราณมีไม่กี่แก๊งส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพมหานครโจรกรรมตามใบสั่ง ในส่วนนี้จะเร่งในการสืบสวนติดตามโดยการตั้งทีมสืบสวนออกสืบสวนสอบสวนในคดีอย่างเร่งรัด เนื่องจากถือเป็นคดีสำคัญที่สร้างความสะเทือนใจให้กับพุทธศาสนิกชน
วันนี้ (25 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.นายโสภณ พรหมแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขุนทะเล อ.ลานสกา นครศรีธรรมราช พระสมุห์สุชาติ ธรรมกาโณ เจ้าอาวาสวัดใหม่ทอน กำนันผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านจากตำบลขุนทะเล อำเภอลานสกา ได้เข้าร้องเรียนกับ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เพื่อเร่งรัดในการติดตามพระพุทธสิหิงส์ ซึ่งเป็นพระรูปโบราณสำคัญคู่เมืองลานสกา จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ เนื่องจากคนร้ายบุกเข้าไปขโมยพระพุทธสิหิงค์พระประจำวัดใหม่ทอน ม.4 ต.ขุนทะเล อ.ลาน ซึ่งพระพุทธรูปดังกล่าว เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองที่ชาวบ้านเคารพบูชามาหลายชั่วอายุคน โดยได้สูญหายไปเมื่อ 4-5 วันที่ผ่านมา และทางเจ้าอาวาสวัดก็ได้ไปแจ้งความกับ ร.ต.อ.บุญนำ บุญเอียด ร้อยเวร สภ.ลานสกา ไว้แล้ว
นายโสภณ พรหมแก้ว นายก อบต.ขุนทะเล กล่าวว่า พระพุทธรูปดังกล่าว ชาวบ้านเรียกกันว่า “พระพุทธสิหิงค์” หน้าตัก 13 นิ้ว สูงกว่า 1 ศอก เนื้อโลหะไม่ทราบชนิดซึ่งเป็นโลหะโบราณ ปางนั่งสมาธิ เป็นพระที่ชาวบ้านใน ต.ขุนทะเล ให้ความเคารพนับถือมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งคนเฒ่าคนแก่ ระบุว่า อายุของพระพุทธสิหิงค์องค์ดังกล่าวน่าจะไม่ต่ำกว่า 400-500 ปี คิดเป็นมูลค่าไม่ได้ เพราะเป็นพระเก่าแก่มาก สมัยก่อนชาวบ้านจะฝากไว้ตามบ้านเรือนของคนใหญ่คนโต หรือคนที่มีบารมีให้เก็บไว้แทนชาวบ้าน เพราะเกรงกันว่าหากอยู่ที่วัดจะสูญหาย และโจรผู้ร้ายจะไม่กล้าไปลักขโมย
กระทั่งเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเจ้าอาวาสวัด คือ ท่านพระสมุห์สุชาติชาติ ได้นำพระพุทธสิหิงค์ไปเก็บไว้ที่วัด เมื่อชาวบ้านทักท้วงทางเจ้าอาวาสบอกว่าไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นพระเก่าแก่ จึงนำไปตั้งไว้ในโรงธรรม ตั้งคู่กับพระพุทธรูปอีกองค์ ขณะเดี่ยวกันทางวัดเตรียมจัดงานยกช่อฟ้าอุโบสถทำให้มีคนเข้านอกออกในมากกว่าปกติ
ปรากฏว่า พระพุทธสิหิงค์องค์ดังกล่าวได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับพระพุทธรูปที่ตั้งคู่กัน ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถจับมือใครดมได้ แต่ก็ได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้ตำรวจติดตามโจรใจบาปรายนี้แล้ว
นายโสภณ กล่าวต่อไปว่า หลังจากชาวบ้านทราบจึงพากันสาปแช่งโจรใจบาปไม่ให้ได้ผุดได้เกิด และขอให้มีอันเป็นไปเวลาอันใกล้นี้ และเชื่อว่าคนที่ขโมยพระพุทธสิหิงค์จะอยู่ไม่เป็นสุขแน่ เพราะพระพุทธสิหิงค์องค์นี้เป็นพระศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพบูชาของคนในพื้นที่ซึ่งเขามีความห่วงแหนอย่างมาก เมื่อโดนคนร้ายขโมยทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าสูญเสียสิ่งที่รักบูชา และต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้พระพุทธรูปองค์นี้กลับคืนมา
“มันเป็นความรู้สึกที่รับไม่ได้ที่โจรใจบาปมาขโมยสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวบ้านไป”
ขณะที่ พล.ต.ต.สราวุธ พีรานนท์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในเรื่องนี้ถือเป็นมารศาสนาอย่างยิ่งแก๊งโจรกรรมวัตถุโบราณและพระพุทธรูปโบราณมีไม่กี่แก๊งส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพมหานครโจรกรรมตามใบสั่ง ในส่วนนี้จะเร่งในการสืบสวนติดตามโดยการตั้งทีมสืบสวนออกสืบสวนสอบสวนในคดีอย่างเร่งรัด เนื่องจากถือเป็นคดีสำคัญที่สร้างความสะเทือนใจให้กับพุทธศาสนิกชน