ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อธิบดีกรมที่ดินเร่งสำนักงานที่ดินทั่วประเทศสร้างภาพลักษณ์ ระบุ ปัญหางานค้างยังทำไม่ประสบความสำเร็จพบมีปัญหาสูงถึง 30% ขณะที่ปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดินในภูเก็ตมีมากเหตุพื้นที่เป็นเกาะถูกควบคุมโดยกฎกระทรวงฉบับที่ 43
วันนี้ (21 พ.ค.) นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยม เร่งรัดและติดตามงานตามโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์ และโครงการเร่งรัดงานค้างของสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตว่า การตรวจเยี่ยมติดตามงานที่สำสักงานที่ดินที่จังหวัดภูเก็ตนั้น เพื่อเร่งรัดสร้างภาพลักษณ์ของกรมที่ดิน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาใน 3 เรื่อง ได้แก่ การแต่งกายและการใช้วาจาของเจ้าหน้าที่ และการแก้ปัญหางานค้าง ซึ่งกรมที่ดินมักจะถูกตำหนิเสมอว่าเมื่อยื่นคำขอทำนิติกรรมต่างๆ แล้วการดำเนินการล่าช้า
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบติดตามงานใน สนง.ที่ดินต่างๆ มามากว่า 30 จังหวัด พบว่าเรื่องการแต่งกาย การใช้วาจาและการปรับปรุงสถานที่ค่อนข้างประสบผลสำเร็จด้วยดี แต่เรื่องงานค้าง ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ภาพรวมยังคงเป็นปัญหาสูงถึง 30% เนื่องจากในช่วงฤดูแล้งจะมีการยื่นคำขอค่อนข้างมาก แต่ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่หรือผู้บริหาร ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น
โดยกำหนดกรอบการดำเนินการและจะมีการประเมินผลอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม ซึ่งทั้งหมดจะมีผลต่อการพิจารณาความดีความชอบ และการปรับย้าย ทั้งนี้ เพื่อให้ปัญหางานค้างหมดไปและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
นายอนุวัฒน์ กล่าวถึงปัญหาการบุกรุกที่ดินของจังหวัดภูเก็ต ว่า เนื่องจากที่ดินภูเก็ตมีสภาพเป็นเกาะ และในการออกเอกสิทธิถูกควบคุมโดยกฎกระทรวงฉบับที่ 43 ซึ่งหากเอกสารที่นำมาขอออกหลักฐานไม่ใช่ ส.ค.1 หรือหลักฐานที่มีก่อนปี 2479 ก็ไม่สามารถออกได้เลย นอกจากนี้ ยังมีการประกาศเขตปฎิรูปที่ดินและนโยบายของกรมป่าไม้เมื่อปี 2535 ซึ่งกำหนดพื้นที่ลาดชันเกินว่า 35% รวมถึงความนิยมของนักค้าที่ดิน กอรปกับความยากลำบากในการออกเอกสารสิทธิ์ ดังนั้นจึงเป็นปัญหาและการร้องเรียนหรือเรื่องกระทบกระทั่งกันมาตลอด
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาดังกล่าวที่ผ่านมาได้มีความพยายามในการแก้ปัญหา และพัฒนาบุคลากรมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตรวจติดตามเพื่อเร่งรัดผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็เป็นแนวทางหนึ่ง และจะต้องจัดหาบุคลากรมาเสริม ซึ่งนับเป็นความโชคดีของจังหวัดภูเก็ตที่มีผู้ว่าฯ ซึ่งเคยทำงานในกรมที่ดินมาก่อน ซึ่งจะเข้าใจการทำงานของกรมที่ดินค่อนข้างดี และเชื่อว่าจะทำให้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ จะมีเพิ่มมากขึ้น เพื่อเร่งรัดให้การดำเนินการสามารถดำเนินการไปได้ เพราะในการดำเนินการตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 ซึ่งจะต้องมีคณะกรรมการจากหน่วยงานอื่นๆ มาร่วมด้วย
ทั้งนี้ นายอนุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการออกโฉนดที่ดินในภูเก็ตนั้นถือค่อนข้างเป็นจุดอ่อน ด้วยปัจจัยที่กล่าวข้างต้น การทำงานจึงค่อนข้างยาก ดังนั้นในการปฏิบัติงานจึงต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพ และในส่วนของงานที่คั่งค้างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานทะเบียนหรืองานรังวัดของทั้งสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง และสำนักงานที่ดินอำเภอกะทู้ รวมแล้วจำนวนกว่าหนึ่งพันเรื่อง ซึ่งก็ได้มีการสั่งเร่งรัดไปแล้วให้ดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายโดยเฉพาะงานรังวัด หากไม่สามารถทำได้ก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
วันนี้ (21 พ.ค.) นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยม เร่งรัดและติดตามงานตามโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์ และโครงการเร่งรัดงานค้างของสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตว่า การตรวจเยี่ยมติดตามงานที่สำสักงานที่ดินที่จังหวัดภูเก็ตนั้น เพื่อเร่งรัดสร้างภาพลักษณ์ของกรมที่ดิน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาใน 3 เรื่อง ได้แก่ การแต่งกายและการใช้วาจาของเจ้าหน้าที่ และการแก้ปัญหางานค้าง ซึ่งกรมที่ดินมักจะถูกตำหนิเสมอว่าเมื่อยื่นคำขอทำนิติกรรมต่างๆ แล้วการดำเนินการล่าช้า
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบติดตามงานใน สนง.ที่ดินต่างๆ มามากว่า 30 จังหวัด พบว่าเรื่องการแต่งกาย การใช้วาจาและการปรับปรุงสถานที่ค่อนข้างประสบผลสำเร็จด้วยดี แต่เรื่องงานค้าง ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ภาพรวมยังคงเป็นปัญหาสูงถึง 30% เนื่องจากในช่วงฤดูแล้งจะมีการยื่นคำขอค่อนข้างมาก แต่ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่หรือผู้บริหาร ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น
โดยกำหนดกรอบการดำเนินการและจะมีการประเมินผลอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม ซึ่งทั้งหมดจะมีผลต่อการพิจารณาความดีความชอบ และการปรับย้าย ทั้งนี้ เพื่อให้ปัญหางานค้างหมดไปและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
นายอนุวัฒน์ กล่าวถึงปัญหาการบุกรุกที่ดินของจังหวัดภูเก็ต ว่า เนื่องจากที่ดินภูเก็ตมีสภาพเป็นเกาะ และในการออกเอกสิทธิถูกควบคุมโดยกฎกระทรวงฉบับที่ 43 ซึ่งหากเอกสารที่นำมาขอออกหลักฐานไม่ใช่ ส.ค.1 หรือหลักฐานที่มีก่อนปี 2479 ก็ไม่สามารถออกได้เลย นอกจากนี้ ยังมีการประกาศเขตปฎิรูปที่ดินและนโยบายของกรมป่าไม้เมื่อปี 2535 ซึ่งกำหนดพื้นที่ลาดชันเกินว่า 35% รวมถึงความนิยมของนักค้าที่ดิน กอรปกับความยากลำบากในการออกเอกสารสิทธิ์ ดังนั้นจึงเป็นปัญหาและการร้องเรียนหรือเรื่องกระทบกระทั่งกันมาตลอด
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาดังกล่าวที่ผ่านมาได้มีความพยายามในการแก้ปัญหา และพัฒนาบุคลากรมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตรวจติดตามเพื่อเร่งรัดผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็เป็นแนวทางหนึ่ง และจะต้องจัดหาบุคลากรมาเสริม ซึ่งนับเป็นความโชคดีของจังหวัดภูเก็ตที่มีผู้ว่าฯ ซึ่งเคยทำงานในกรมที่ดินมาก่อน ซึ่งจะเข้าใจการทำงานของกรมที่ดินค่อนข้างดี และเชื่อว่าจะทำให้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ จะมีเพิ่มมากขึ้น เพื่อเร่งรัดให้การดำเนินการสามารถดำเนินการไปได้ เพราะในการดำเนินการตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 ซึ่งจะต้องมีคณะกรรมการจากหน่วยงานอื่นๆ มาร่วมด้วย
ทั้งนี้ นายอนุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการออกโฉนดที่ดินในภูเก็ตนั้นถือค่อนข้างเป็นจุดอ่อน ด้วยปัจจัยที่กล่าวข้างต้น การทำงานจึงค่อนข้างยาก ดังนั้นในการปฏิบัติงานจึงต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพ และในส่วนของงานที่คั่งค้างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานทะเบียนหรืองานรังวัดของทั้งสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง และสำนักงานที่ดินอำเภอกะทู้ รวมแล้วจำนวนกว่าหนึ่งพันเรื่อง ซึ่งก็ได้มีการสั่งเร่งรัดไปแล้วให้ดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายโดยเฉพาะงานรังวัด หากไม่สามารถทำได้ก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
