ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อุปนายกสมาคมท่องเที่ยวภูเก็ตระบุเหตุนักท่องเที่ยวออสซี่ถูกจับย่อมส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาการรับสาร จี้สื่อนอกนำเสนอข่าวออกสู่สาธารณะต้องหาข้อมูลมาประกอบทั้ง 2 ด้าน ระบุต้องถามเจ้าของร้านถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายภูริต มาศวงศา อุปนายกฝ่ายการตลาดต่างประเทศ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงผลกระทบต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ต่อกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นที่แน่นอนว่าเมื่อมีการนำเสนอข่าวออกไปแล้วการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาตอบกลับหลังจากนี้
แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าการที่สื่อจะนำเสนอข่าวอะไรออกสู่สาธารณชนนั้น โดยเฉพาะสื่อต่างประเทศที่คนดูส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต สมควรที่จะหาข้อมูลมาประกอบก่อนทั้ง 2 ด้าน ไม่ใช่ว่าได้รับข้อมูลมาจากแหล่งข่าวเพียงด้านเดียวแล้วนำเสนอเลย โดยที่ไม่มีการสอบถามฝ่ายตรงข้ามก่อน แบบนี้เห็นว่าทำเพียงเพื่อความสะใจเท่านั้น พอจบแล้วก็จบกันไป แต่คนที่ได้รับผลกระทบต่างหากที่จะต้องลำบากต่อกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คือการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต
“และที่สำคัญ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมีการสอบสวนสอบถามกันหรือยังกับตัวเจ้าของร้านว่าเป็นการขโมยจริงหรือไม่ เพราะหากเป็นการขโมยจริงก็ไม่ถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งส่วนนี้เจ้าของบาร์ดังกล่าวจะเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุด และต้องออกมาให้ข้อมูลที่เกิดขึ้นด้วย นั่นคือ เอาความจริงมาพูดกันว่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรกันแน่ จะผิดหรือถูกก็ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หรือหากนักท่องเที่ยวไม่ผิดก็ต้องตรวจสอบกันไปในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทำเกินกว่าเหตุจริงหรือไม่”นายภูริต กล่าวในที่สุด
นายภูริต มาศวงศา อุปนายกฝ่ายการตลาดต่างประเทศ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงผลกระทบต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ต่อกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นที่แน่นอนว่าเมื่อมีการนำเสนอข่าวออกไปแล้วการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาตอบกลับหลังจากนี้
แต่โดยส่วนตัวเห็นว่าการที่สื่อจะนำเสนอข่าวอะไรออกสู่สาธารณชนนั้น โดยเฉพาะสื่อต่างประเทศที่คนดูส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต สมควรที่จะหาข้อมูลมาประกอบก่อนทั้ง 2 ด้าน ไม่ใช่ว่าได้รับข้อมูลมาจากแหล่งข่าวเพียงด้านเดียวแล้วนำเสนอเลย โดยที่ไม่มีการสอบถามฝ่ายตรงข้ามก่อน แบบนี้เห็นว่าทำเพียงเพื่อความสะใจเท่านั้น พอจบแล้วก็จบกันไป แต่คนที่ได้รับผลกระทบต่างหากที่จะต้องลำบากต่อกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คือการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต
“และที่สำคัญ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมีการสอบสวนสอบถามกันหรือยังกับตัวเจ้าของร้านว่าเป็นการขโมยจริงหรือไม่ เพราะหากเป็นการขโมยจริงก็ไม่ถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ซึ่งส่วนนี้เจ้าของบาร์ดังกล่าวจะเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุด และต้องออกมาให้ข้อมูลที่เกิดขึ้นด้วย นั่นคือ เอาความจริงมาพูดกันว่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรกันแน่ จะผิดหรือถูกก็ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย หรือหากนักท่องเที่ยวไม่ผิดก็ต้องตรวจสอบกันไปในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าทำเกินกว่าเหตุจริงหรือไม่”นายภูริต กล่าวในที่สุด
