เยาวชน-ประชาชน ต.รัษฎา ภูเก็ต ร่วมกันฟื้นฟู ซ่อมแซม ป่าชายเลนในชุมชน ขณะที่ปลัดฯ ภูเก็ต แนะวิธีการรักษาผืนป่า โดยการปลูกฝังเยาวชนให้เห็นความสำคัญของผืนป่าให้มากที่สุด และหยุดการบุกรุกเพิ่ม
วันที่ 16 พฤษภาคม 2552 นายปิยะ ภะรตะศิลปิน ปลัดจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดโครงการกิ่งแก้วรวมใจ คืนผืนป่าให้ชุมชน พร้อมด้วยนายอำพล โอ่อาจ รองนายกเทศมนตรีตำบลรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมี เด็กเยาวชนและประชาชนในพื้นที่ซอยกิ่งแก้ว นักศึกษาฝึกภาคปฏิบัติ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เจ้าหน้าที่จากสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 23 (ภูเก็ต) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ภูเก็ต สำนักงานพัฒนาชุมชน จ.ภูเก็ต สำนักงานพัฒนาชุมชน อ.เมืองภูเก็ต สมาคมธรรมศาสตร์ ภูเก็ต เครือข่ายสิทธิคนจนพัฒนาภูเก็ต 30 ชุมชน เครือข่ายเยาวชนอันดามัน มูลนิธิชุมชนไท ร่วมกันปลูกป่าชายเลน ณ ป่าชายเลนชุมชนซอยกิ่งแก้ว 1 หมู่ 3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต
โครงการกิ่งแก้วรวมใจ คืนผืนป่าให้ชุมชนนั้น เด็กและเยาวชนรวมทั้งประชาชนชุมชนกิ่งแก้วซอย 1 ร่วมกับนักศึกษา ภาคปฏิบัติ 2 คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเทศบาลตำบลรัษฎา จัดขึ้นเพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซม และอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนของชุมชนให้กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน ทำให้พื้นที่ป่าชายเลน และพื้นที่ใกล้เคียงมีสภาพแวดล้อมดีขึ้น ช่วยให้เกิดความสมดุลของระบบนิเวศน์ป่าชายเลน เพื่อส่งเสริมให้เยาวชน ชาวบ้าน และผู้นำชุมชน เกิดความรักหวงแหน ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรป่าชายเลน เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านในชุมชน มีกิจกรรมทำร่วมกัน ก่อให้เกิดความสมัครสมาน สามัคคี
นายปิยะ ภะรตะศิลปิน ปลัดจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ป่าชายเลนถือว่าเป็นเกราะป้องกันภัยธรรมชาติ และลดความรุนแรงจากคลื่นลมได้เป็นอย่างดี แต่ในปัจจุบันป่าชายเลนได้เสื่อมโทรมถูกทำลายลงไปเป็นจำนวนมากจากฝีมือของมนุษย์ ดังนั้นการปลูกป่าชายเลนจึงมีความสำคัญยิ่ง แต่อย่างไรก็ตามการปลูกต้นไม้ต้องคอยดูแล ปลูกซ่อม เพราะในช่วงต้นๆ ต้นไม้ต้องการเวลาในการเจริญเติบโต เพราะฉะนั้นฝากในชุมชนช่วยกันดูแลต้นไม้ที่ได้ปลูกไป ให้สามารถพลิกฟื้นสมบูรณ์ขึ้นมาอีกครั้ง
นอกจากนี้ปลัดจังหวัดภูเก็ต ได้ฝากชุมชน ส่วนราชการเกี่ยวข้อง ดูแลพื้นที่ป่าชายเลนที่เหลือให้มีอยู่เท่าที่มีเหลืออยู่ อย่าให้มีการบุกรุก ทำลายเพิ่ม เพราะ จ.ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ต้องอาศัยทรัพยากรธรรมชาติ และถ้าไม่มีป่า ก็ไม่มีสัตว์น้ำ การประมงก็เกิดขึ้นไม่ได้ เราก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นผืนป่าทั้งป่าบก ป่าเลนมีความสำคัญอย่างยิ่ง ขอให้ช่วยกันสอนลูกหลานให้ความสำคัญ เพราะการรักษาผืนป่าไว้ได้นั้นอยู่ที่การปลูกฝังลูกหลานให้เห็นความสำคัญของผืนป่าให้มากที่สุด
