สรรพสามิตตรังตรวจสอบบุหรี่หวั่นขึ้นราคาแพง

ตรัง - สรรพสามิตตรัง ออกตรวจสอบร้านค้า ร้านขายของชำ และร้านสะดวกซื้อต่างๆ เพื่อตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าประเภทสุรา และบุหรี่ โดยเฉพาะบุหรี่ เนื่องจากเกรงการฉวยโอกาสของ พ่อค้า แม่ค้า ที่มีการปรับขึ้นราคาสินค้า

วันนี้ (13 พ.ค.) นายอุดมพร ดวงสุวรรณ นักวิชาการสรรพสามิต ชำนาญการ และนายพัชราวุธ เพชรสุทธิ์ เจ้าพนักงานสรรพสามิต ชำนาญการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สรรพสามิตพื้นที่ตรัง จำนวน 6 นาย ออกตรวจสอบร้านค้า ร้านขายของชำ และร้านสะดวกซื้อต่างๆ ในเขตเทศบาลนครตรัง เพื่อตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าประเภทสุรา และบุหรี่ โดยเฉพาะบุหรี่ เนื่องจากเกรงการฉวยโอกาสของ พ่อค้า แม่ค้า ที่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

สืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบายปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตประเภทสินค้าฟุ่มเฟือย โดยมีการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตประเภทเหล้า เบียร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว แต่ในส่วนของภาษีสรรพสามิตประเภทยาสูบนั้น ยังไม่มีการประกาศปรับขึ้นราคาภาษี โดยยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ได้รับแจ้งจากประชาชน ว่า มีร้านค้าบางแห่งได้มีการปรับขึ้นราคาการจำหน่ายสินค้าประเภทบุหรี่ทุกยี่ห้อไปแล้ว โดยปรับขึ้นจากเดิมสูงถึงซองละ 15 บาท จึงมีการออกตรวจสอบเพื่อตักเตือนและป้องปรามการกระทำผิดดังกล่าวของผู้ประกอบการ

ทั้งนี้ จากการรับแจ้งจากประชาชน ทราบว่า ยังมีร้านค้าบางแห่งได้มีการกักตุนสินค้าเพื่อเก็งกำไร ทำให้สินค้าประเภทเหล้า และบุหรี่ ขาดตลาดในระยะนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบยังไม่พบการจำหน่ายสินค้าเกินราคา แต่ทางร้านสะดวกซื้อ ระบุว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ยอดการจำหน่ายบุหรี่เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ จนทำให้สินค้ามีไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยลูกค้าส่วนใหญ่ ระบุว่า ร้านค้าย่อยทั่วไปหรือร้านขายของชำนั้น ได้มีการปรับขึ้นราคาบุหรี่แล้ว จึงทำให้ลูกค้ามาหาซื้อที่ร้านสะดวกซื้อ เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย ก่อนที่จะมีการประกาศปรับขึ้นสินค้าอย่างแท้จริง

นายอุดมพร ดวงสุวรรณ นักวิชาการสรรพสามิต ชำนาญการ สรรพสามิตพื้นที่ตรัง กล่าวว่า หากพบมีร้านค้าหรือพ่อค้า แม่ค้า รายใด จำหน่ายบุหรี่เกินราคาที่กำหนด จะมีการจับกุมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจะมีโทษเป็นการเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 500 บาท ซึ่งประชาชนรายใดได้รับความเดือนร้อนดังกล่าว สามารถแจ้งและนำหลักฐานมายืนยันการจำหน่ายเกินราคาจากร้านค้า เพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่ลงไปจับกุมทันที หรืออาจจะมีการล่อซื้อจากผู้ประกอบการที่มีการละเมิด เพื่อป้องปรามไม่ให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภคต่อไป