ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ร้านขายข้าวแกงใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ลดปริมาณเมนูหมู เหตุขาดทุนจากราคาหมูพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคไม่ได้หวั่นวิตกกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หลังติดตามข่าวจากสื่อต่างๆ-เกษตรกรหันมาเลี้ยงไก่พื้นเมืองสามสายพันธุ์ราคาดีตลาดต้องการสูงโดยเฉพาะช่วงกระแสหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระบาด
ร้านจำหน่ายข้าวแกงใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทนพิษหมูแพงไม่ไหวจำเป็นต้องลดปริมาณแกงที่มีหมูเป็นส่วนประกอบหลัก โดยเฉพาะกรณีที่ลูกค้าซื้อแกงถุง ต้องตักในปริมาณที่ลดลงแต่ยังคงราคาเดิมเอาไว้ คือ ถุงละ 20 บาท เพื่อรักษาลูกค้าและให้พอมีกำไรบ้าง เนื่องจากในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเนื้อหมูมีราคาแพงขึ้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 120-130 บาท ทำให้ต้นทุนในการนำหมูมาประกอบเป็นอาหารประเภทต่างๆ สูงขึ้นไปด้วยหากตักขายในปริมาณเท่าเดิมจะขาดทุน
อย่างไรก็ตาม แม่ค้าขายข้าวแกงในย่านชุมชนทุ่งเสา อ.หาดใหญ่ เผยว่า ขณะนี้ประชาชนหันมานิยมบริโภคหมูและแกงหมูทุกประเภทยังขายได้ตามปรกติจะมีบ้างที่อาจตื่นตระหนกกับกระแสข่าวไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ในช่วงแรกที่มีการระบาดและมีผู้เสียชีวิต แต่หลังจากที่รับทราบข่าวผ่านสื่อต่างๆ เกี่ยวกับข้อเท็จจริงว่าโรคนี้ไม่ได้ติดจากหมู ภาวะตื่นกลัวจึงหายไปและเริ่มหันมาบริโภคเนื้อหมูตามปรก แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ยอดขายหมูตกมาจากภาวะหมูแพงเป็นหลัก
ด้าน เกษตรกรใน จ.สงขลา หันมาเลี้ยงไก่พื้นเมืองสามสายพันธุ์กันอย่างแพร่หลายแทนไก่เนื้อทั่วๆ ไป เนื่องจากขณะนี้ตลาดมีความต้องการสูงและขายได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 80 บาทในขณะที่ไก่เนื้อหรือไก่พันธุ์แบบเดิมราคาประมาณกิโลกรัมละ 60 บาท รวมทั้งเนื้อแน่นรสชาติอร่อยและทนทานต่อโรคและคู่แข่งทางการตลาดยังมีน้อย
นายสุดิง สาเมาะ หนึ่งในเกษตรกรที่เปลี่ยนจากการเลี้ยงไก่เนื้อมาเลี้ยงไก่พื้นเมืองสามสายพันธุ์ เผยว่า หลังจากที่หันมาเลี้ยงไก่พื้นเมืองสามสายพันธุ์กว่า 3 หมื่นตัวประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เพราะเป็นไก่เศรษฐกิจตัวใหม่ที่ตลาดต้องการและประชาชนนิยมบริโภคโดยนอกเหนือจากจะจำหน่ายในตลาดทั่วไปแล้วยังมีลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เริ่มสั่งซื้อคือโรงแรมที่นำไปประกอบเป็นเมนูต่างๆ โดยเฉพาะโรงแรมในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต ประกอบกับขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่เลี่ยงที่จะรับประทานเนื้อหมูจากกระแสของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทำให้ไก่เป็นที่นิยมของตลาดเพิ่มขึ้น
