นครศรีธรรมราช - ถล่มผู้รับเหมารายใหญ่ธุรกิจในเครืออีกหลายสิบล้านดับสยอง มือปืนประกบยิงกลางแยกไฟแดง-ตำรวจคู่ใจสาหัสพุ่งปมไก่ชน-ขัดธุรกิจรับเหมา
วันนี้ (29 เม.ย.) เมื่อเวลา19.30 น. พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ สว.เวรสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุยิงกันด้วยอาวุธปืนกลางสี่แยกไฟแดงถนนสายเทิดพระเกียรติ ต.ปากนคร อ.เมือง มีผู้บาดเจ็บอยู่ในรถหลายราย จากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูดิส นรสิงห์ ผกก. พ.ต.ท.วิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ สว.สส.กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ชุดสืบสวนและ เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจ เข้าทำการตรวจสอบช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุทันที
ในที่เกิดเหตุท่ามกลางความแตกตื่นของชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวพบรถยนต์ อีซูซุแอดเวนเจอร์สีบรอนทองติดฟิล์มทึบ ทะเบียน กค-8255 นครศรีธรรมราช จอดอยู่กลางแยกไฟแดง ประตูด้านซ้ายถูกยิงรวม 6 นัด ภายในพบผู้บาดเจ็บรวม 3 รายเป็นชาย 2 รายหญิง 1 รายจึงรีบนำตัวส่ง รพ.มหาราชทราบชื่อต่อมาคือนายสมศักดิ์ ลักษณะชฎา อายุ 56 ปี อยู่ 193/1 ม.10 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของธุรกิจในเครือ “ชฎาการโยธา” มูลค่าหลายสิบล้านบาท และยังเป็นเจ้าของธุรกิจสนามไก่ชนรายใหญ่อีกด้วย
ทั้งยังพบว่านายสมศักดิ์เป็นพี่ชายของนายชำนาญ ลักษณะชฎา นายก อบต.ท่าเรือ จ.นครศรีธรรมราช สภาพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .357 เข้าบริเวณหน้าอกขวา 2 แผล แขนขวา 2 แผล ไหล่ขวา 2 กระสุนทะลุแผ่นหลัง 1 แผล ภายหลังจากที่แพทย์ได้พยายามช่วยชีวิตอย่างหนักแต่ไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้จึงเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
ส่วนรายต่อมาคือ ร.ต.ต.จรัส ยวนทอง ตำรวจสันติบาลนอกราชการ ซึ่งได้ลาออกจากราชการได้ไม่นานนัก และได้มาติดตามคุ้มกันนายสมศักดิ์มาได้ระยะหนึ่งแล้ว มีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณกลางหลัง 1 นัด สะโพก 1 นัก โดยเข้าใจว่าเป็นกระสุนที่ทะลุมาจากนายสมศักดิ์ ส่วนรายที่นั่งตอนหลังคือนางพัฒนา ความสุข อายุ 52 ปี มีบาดแผลถูกยิงเข้าแขนขวาทะลุ แพทย์ได้ให้การช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตราย
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายสมศักดิ์ พร้อมด้วยตำรวจที่ติดตามซึ่งเป็นผู้ขับขี่ขับออกมาจากสนามชนไก่ปากนคร ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุไม่มากนัก โดยมีนางพัฒนาโดยสารมาในที่นั่งตอนหลัง พยานรายหนึ่งที่ขับตามนายสมศักดิ์มาในระยะไม่ห่าง นักแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าได้มีคนร้าย 2 คนใช้รถจักรยานยนต์ตามประกบทางด้านซ้ายซึ่งเป็นจุดที่นายสมศักดิ์นั่งจากนั้นคนที่นั่งตอนท้ายรถจักรยานยนต์ใช้อาวูธปืนยิงเข้าใส่หลายนัดซ้อนกันจาก
นั้นได้เร่งเครื่องหลบหนีโดยพยานรายดังกล่าวยืนยันว่าคนร้ายได้ไปจอดที่สะพานคูพายซึ่งอยู่ห่างไปราว 3 กม.จากนั้นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงนั้นกระโดดลงจากรถจักรยานยนต์ไปขึ้นรถยนต์กระบะฟอร์ดสีดำทะเบียน บล-2516 สุราษฎร์ธานี แล้วพากันหลบหนีไปโดยรถจักรยานยนต์นั้นคนร้ายที่ขับขี่ได้แยกหนีกันไปคนละทางกัน โดยที่พยานได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
ส่วนสาเหตุในเบื้องต้นนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุประเด็นที่แน่ชัดแต่จากการรวบรวมข้อมูลนั้นพบว่านายสมศักดิ์เป็นนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของนครศรีธรรมราช มีงานรับเหมาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายท้องที่ด้วยกัน นอกจากนั้นยังเป็นนักเลงไก่ชนอันดับต้นๆของนครศรีธรรมราช ที่นิยมเลี้ยงไก่ชนเป็นชีวิตจิตใจมีการพนันขันต่อในวงเงินสูง มีค่ายไก่ชนขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง และยังสนามชนไก่เป็นธุรกิจในเครืออีกด้วย
“ก่อนหน้านี้นายสมศักดิ์รู้ตัวว่าถูกปองร้าย จึงขอร้องให้ ร.ต.ต.จรัส ยวนทอง ซึ่งเป็นนายตำรวจสันติบาลนอกราชการมาช่วยคอยติดตามดูแลความปลอดภัย กระทั่งช่วงที่เกิดเหตุได้ถูกคนร้ายตามมาสังการในที่สุดซึ่งสาเหตุนั้นได้วางกรอบการสอบสวนไว้ 2 ประเด็นคือเรื่องของการขัดแย้งในเรื่องของธุรกิจไก่ชนหรือในวงการไก่ชน และในประเด็นของการประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไปแล้ว”
วันนี้ (29 เม.ย.) เมื่อเวลา19.30 น. พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ สว.เวรสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุยิงกันด้วยอาวุธปืนกลางสี่แยกไฟแดงถนนสายเทิดพระเกียรติ ต.ปากนคร อ.เมือง มีผู้บาดเจ็บอยู่ในรถหลายราย จากนั้นจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูดิส นรสิงห์ ผกก. พ.ต.ท.วิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ สว.สส.กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ชุดสืบสวนและ เจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจ เข้าทำการตรวจสอบช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุทันที
ในที่เกิดเหตุท่ามกลางความแตกตื่นของชาวบ้านในบริเวณดังกล่าวพบรถยนต์ อีซูซุแอดเวนเจอร์สีบรอนทองติดฟิล์มทึบ ทะเบียน กค-8255 นครศรีธรรมราช จอดอยู่กลางแยกไฟแดง ประตูด้านซ้ายถูกยิงรวม 6 นัด ภายในพบผู้บาดเจ็บรวม 3 รายเป็นชาย 2 รายหญิง 1 รายจึงรีบนำตัวส่ง รพ.มหาราชทราบชื่อต่อมาคือนายสมศักดิ์ ลักษณะชฎา อายุ 56 ปี อยู่ 193/1 ม.10 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของธุรกิจในเครือ “ชฎาการโยธา” มูลค่าหลายสิบล้านบาท และยังเป็นเจ้าของธุรกิจสนามไก่ชนรายใหญ่อีกด้วย
ทั้งยังพบว่านายสมศักดิ์เป็นพี่ชายของนายชำนาญ ลักษณะชฎา นายก อบต.ท่าเรือ จ.นครศรีธรรมราช สภาพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .357 เข้าบริเวณหน้าอกขวา 2 แผล แขนขวา 2 แผล ไหล่ขวา 2 กระสุนทะลุแผ่นหลัง 1 แผล ภายหลังจากที่แพทย์ได้พยายามช่วยชีวิตอย่างหนักแต่ไม่สามารถทนพิษบาดแผลได้จึงเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
ส่วนรายต่อมาคือ ร.ต.ต.จรัส ยวนทอง ตำรวจสันติบาลนอกราชการ ซึ่งได้ลาออกจากราชการได้ไม่นานนัก และได้มาติดตามคุ้มกันนายสมศักดิ์มาได้ระยะหนึ่งแล้ว มีบาดแผลถูกยิงเข้าบริเวณกลางหลัง 1 นัด สะโพก 1 นัก โดยเข้าใจว่าเป็นกระสุนที่ทะลุมาจากนายสมศักดิ์ ส่วนรายที่นั่งตอนหลังคือนางพัฒนา ความสุข อายุ 52 ปี มีบาดแผลถูกยิงเข้าแขนขวาทะลุ แพทย์ได้ให้การช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตราย
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายสมศักดิ์ พร้อมด้วยตำรวจที่ติดตามซึ่งเป็นผู้ขับขี่ขับออกมาจากสนามชนไก่ปากนคร ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุไม่มากนัก โดยมีนางพัฒนาโดยสารมาในที่นั่งตอนหลัง พยานรายหนึ่งที่ขับตามนายสมศักดิ์มาในระยะไม่ห่าง นักแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าได้มีคนร้าย 2 คนใช้รถจักรยานยนต์ตามประกบทางด้านซ้ายซึ่งเป็นจุดที่นายสมศักดิ์นั่งจากนั้นคนที่นั่งตอนท้ายรถจักรยานยนต์ใช้อาวูธปืนยิงเข้าใส่หลายนัดซ้อนกันจาก
นั้นได้เร่งเครื่องหลบหนีโดยพยานรายดังกล่าวยืนยันว่าคนร้ายได้ไปจอดที่สะพานคูพายซึ่งอยู่ห่างไปราว 3 กม.จากนั้นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงนั้นกระโดดลงจากรถจักรยานยนต์ไปขึ้นรถยนต์กระบะฟอร์ดสีดำทะเบียน บล-2516 สุราษฎร์ธานี แล้วพากันหลบหนีไปโดยรถจักรยานยนต์นั้นคนร้ายที่ขับขี่ได้แยกหนีกันไปคนละทางกัน โดยที่พยานได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
ส่วนสาเหตุในเบื้องต้นนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุประเด็นที่แน่ชัดแต่จากการรวบรวมข้อมูลนั้นพบว่านายสมศักดิ์เป็นนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของนครศรีธรรมราช มีงานรับเหมาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายท้องที่ด้วยกัน นอกจากนั้นยังเป็นนักเลงไก่ชนอันดับต้นๆของนครศรีธรรมราช ที่นิยมเลี้ยงไก่ชนเป็นชีวิตจิตใจมีการพนันขันต่อในวงเงินสูง มีค่ายไก่ชนขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง และยังสนามชนไก่เป็นธุรกิจในเครืออีกด้วย
“ก่อนหน้านี้นายสมศักดิ์รู้ตัวว่าถูกปองร้าย จึงขอร้องให้ ร.ต.ต.จรัส ยวนทอง ซึ่งเป็นนายตำรวจสันติบาลนอกราชการมาช่วยคอยติดตามดูแลความปลอดภัย กระทั่งช่วงที่เกิดเหตุได้ถูกคนร้ายตามมาสังการในที่สุดซึ่งสาเหตุนั้นได้วางกรอบการสอบสวนไว้ 2 ประเด็นคือเรื่องของการขัดแย้งในเรื่องของธุรกิจไก่ชนหรือในวงการไก่ชน และในประเด็นของการประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไปแล้ว”
