พัทลุง - ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดเก็บรังนกอีแอ่นพัทลุง เผยน้อมรับทุกกรณี หากศาลปกครองสั่งคุ้มครองอีกรอบในการประมูลรังนก หลังจากที่มีการยื่นซองประมูลแล้วบริษัทที่ไม่ได้ฟ้องร้องต่อศาลขอความไม่เป็นธรรมต่อความไม่โปร่งใส
ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง รายงานว่า จากกรณีการสัมปทานรังนกนางแอ่น จ.พัทลุง ได้หมดวาระลงเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552 แต่ทางคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกนางแอ่น จ.พัทลุง ก็ยังไม่สามารถที่จะเปิดการประมูลการสัมปทานรังนกได้ เนื่องจากถูกบริษัทบริษัท เบสท์เนสท์ จำกัด จ.ตรัง ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น จ.สงขลา ในขณะที่การขโมยรังนกในพื้นที่เกาะรังนก ท้องที่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน อย่างต่อเนื่องและสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างมากมาย
ทั้งนี้ หลังจากที่ศาลปกครองชั้นต้น จ.สงขลา ได้สั่งเลิกการคุ้มครองชั่วคราวทางคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกนางแอ่น จ.พัทลุง ก็ได้ประกาศการขายซองการประมูลรังนกและเปิดการยื่นซองการประมูลรังนกกันในวันที่ 20 เมษายน 2552 โดยมีบริษัทรังนกเข้าซื้อซองประมูล 5 ซอง ประกอบด้วย
1.บริษัท เคโอซี อิมปอร์ต บริษัท เชตกิตติออยส์ แอนด์เซอร์วิส 2.บริษัท คิวพีเอฟ (เอเชียแปซิฟิค) 3.บริษัทเนเชอรัลเบส จำกัด 4.บริษัทเบสท์เนสท์ จำกัด และ 5.หจก.บีวายนิวซีเนส แต่ปรากฎว่ามีผู้ยื่นซองการประมูลเพียง 2 รายเท่านั้น คือ บริษัท คิวพีเอฟ (เอเชียแปซิฟิค) ของนายชายชล วิกานนท์ และบริษัท เคโอซี อิมปอร์ต ของนายเกียรติกร ทรัพย์วิบูลผล ผล
ปรากฏว่าบริษัท เคโอซี อิมปอร์ท ยื่นประมูลด้วยราคา 709 ล้านบาท ส่วนบริษัท คิวพีเอฟ (เอเชียแปซิฟิค) ยื่นซองประมูลเพียง 627 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้บริษัทเคโอซี อิมปอร์ท ได้ชนะในการประมูล ในขณะบริษัท เนชั่นเนลเบสท์ จำกัด และบริษัท เอเจเค บิวซีเนส จำกัด ได้ยื่นหนังสือคัดค้านในการเปิดซองการประมูลในครั้งนี้
โดยอ้างว่าการเปิดซองประมูลของคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกนางแอ่น จ.พัทลุง ไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทบางบริษัท ส่วนการเปิดการขายซองก็เปิดขายในวันหยุดราชการ ทำให้บริษัทขนาดเล็กเกิดการเสียเปรียบ และบริษัท เบสท์เนสท์ จำกัด และบริษัทนชั่นเนสท์เบสท์ จำกัด ทั้ง 2 บริษัทได้ยื่นฟ้องร้องคณะกรรมการฯต่อศาลปกครองสงขลา ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการไต่สวน ล่าสุด
นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ผลการเปิดซองการประมูลรังนก และการพิจารณาการยื่นการคัดค้านการประมูลรังนกทั้ง 2 บริษัท ทางกรรมการจัดเก็บมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าให้บริษัทเคโอซี อิมปอร์ท ที่ยื่นประมูลด้วยราคา 709 ล้านบาท เป็นผู้มีสิทธิในการทำสัญญาการสัมปทานรังนกฯ ในครั้งนี้ และจะมีการเตรียมทำสัญญาขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ โดยมีนายสานันท์ สุพรรณชนะบุรี นายก อบจ.พัทลุง เป็นตัวแทนในการลงนาม
แต่หากว่าศาลปกครอง จ.สงขลา ซึ่งจะมีการไต่สวนมูลฟ้องใน 2-3 วันนี้ และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคำฟ้องของบริษัท เนชั่นเนสท์เบสท์ จำกัด การทำสัญญาก็ต้องยกเลิกโดยทันที หากทำสัญญาไปแล้วก็ต้องยกเลิกเช่นกัน ซึ่งผลของศาลปกครองจังหวัดสงขลาจะออกมาในรูปใดทาง คณะกรรมการจัดเก็บรังนกอีแอ่นพัทลุง จะน้อมรับทุกกรณี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ซึ่งปัญหาความวุ่นวายดังกล่าวได้สร้างความกังวลใจให้แก่คณะกรรมการฯหลายคน เพราะหากเรื่องการสัมปทานไม่มีข้อยุติก็จะสร้างความเสียหายให้แก่ จ.พัทลุง ในขณะที่ความขัดแย้งของฝ่ายการเมืองกับฝ่ายคณะกรรมการรังนกบางรายก็มีกันอย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละฝ่ายก็มีเหตุผลเป็นของตนเอง โดยเฉพาะความขัดแย้งรายละเอียดต่างๆ ของการประมูล อาทิ สัญญาการประมูลรังนกฯ จาก 5 ปี เป็น 7 ปี เงินประกันซอง ฯลฯ
ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง รายงานว่า จากกรณีการสัมปทานรังนกนางแอ่น จ.พัทลุง ได้หมดวาระลงเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552 แต่ทางคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกนางแอ่น จ.พัทลุง ก็ยังไม่สามารถที่จะเปิดการประมูลการสัมปทานรังนกได้ เนื่องจากถูกบริษัทบริษัท เบสท์เนสท์ จำกัด จ.ตรัง ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น จ.สงขลา ในขณะที่การขโมยรังนกในพื้นที่เกาะรังนก ท้องที่ ต.เกาะหมาก อ.ปากพะยูน อย่างต่อเนื่องและสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างมากมาย
ทั้งนี้ หลังจากที่ศาลปกครองชั้นต้น จ.สงขลา ได้สั่งเลิกการคุ้มครองชั่วคราวทางคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกนางแอ่น จ.พัทลุง ก็ได้ประกาศการขายซองการประมูลรังนกและเปิดการยื่นซองการประมูลรังนกกันในวันที่ 20 เมษายน 2552 โดยมีบริษัทรังนกเข้าซื้อซองประมูล 5 ซอง ประกอบด้วย
1.บริษัท เคโอซี อิมปอร์ต บริษัท เชตกิตติออยส์ แอนด์เซอร์วิส 2.บริษัท คิวพีเอฟ (เอเชียแปซิฟิค) 3.บริษัทเนเชอรัลเบส จำกัด 4.บริษัทเบสท์เนสท์ จำกัด และ 5.หจก.บีวายนิวซีเนส แต่ปรากฎว่ามีผู้ยื่นซองการประมูลเพียง 2 รายเท่านั้น คือ บริษัท คิวพีเอฟ (เอเชียแปซิฟิค) ของนายชายชล วิกานนท์ และบริษัท เคโอซี อิมปอร์ต ของนายเกียรติกร ทรัพย์วิบูลผล ผล
ปรากฏว่าบริษัท เคโอซี อิมปอร์ท ยื่นประมูลด้วยราคา 709 ล้านบาท ส่วนบริษัท คิวพีเอฟ (เอเชียแปซิฟิค) ยื่นซองประมูลเพียง 627 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้บริษัทเคโอซี อิมปอร์ท ได้ชนะในการประมูล ในขณะบริษัท เนชั่นเนลเบสท์ จำกัด และบริษัท เอเจเค บิวซีเนส จำกัด ได้ยื่นหนังสือคัดค้านในการเปิดซองการประมูลในครั้งนี้
โดยอ้างว่าการเปิดซองประมูลของคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกนางแอ่น จ.พัทลุง ไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทบางบริษัท ส่วนการเปิดการขายซองก็เปิดขายในวันหยุดราชการ ทำให้บริษัทขนาดเล็กเกิดการเสียเปรียบ และบริษัท เบสท์เนสท์ จำกัด และบริษัทนชั่นเนสท์เบสท์ จำกัด ทั้ง 2 บริษัทได้ยื่นฟ้องร้องคณะกรรมการฯต่อศาลปกครองสงขลา ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการไต่สวน ล่าสุด
นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกอีแอ่น จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ผลการเปิดซองการประมูลรังนก และการพิจารณาการยื่นการคัดค้านการประมูลรังนกทั้ง 2 บริษัท ทางกรรมการจัดเก็บมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าให้บริษัทเคโอซี อิมปอร์ท ที่ยื่นประมูลด้วยราคา 709 ล้านบาท เป็นผู้มีสิทธิในการทำสัญญาการสัมปทานรังนกฯ ในครั้งนี้ และจะมีการเตรียมทำสัญญาขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ โดยมีนายสานันท์ สุพรรณชนะบุรี นายก อบจ.พัทลุง เป็นตัวแทนในการลงนาม
แต่หากว่าศาลปกครอง จ.สงขลา ซึ่งจะมีการไต่สวนมูลฟ้องใน 2-3 วันนี้ และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคำฟ้องของบริษัท เนชั่นเนสท์เบสท์ จำกัด การทำสัญญาก็ต้องยกเลิกโดยทันที หากทำสัญญาไปแล้วก็ต้องยกเลิกเช่นกัน ซึ่งผลของศาลปกครองจังหวัดสงขลาจะออกมาในรูปใดทาง คณะกรรมการจัดเก็บรังนกอีแอ่นพัทลุง จะน้อมรับทุกกรณี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ซึ่งปัญหาความวุ่นวายดังกล่าวได้สร้างความกังวลใจให้แก่คณะกรรมการฯหลายคน เพราะหากเรื่องการสัมปทานไม่มีข้อยุติก็จะสร้างความเสียหายให้แก่ จ.พัทลุง ในขณะที่ความขัดแย้งของฝ่ายการเมืองกับฝ่ายคณะกรรมการรังนกบางรายก็มีกันอย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละฝ่ายก็มีเหตุผลเป็นของตนเอง โดยเฉพาะความขัดแย้งรายละเอียดต่างๆ ของการประมูล อาทิ สัญญาการประมูลรังนกฯ จาก 5 ปี เป็น 7 ปี เงินประกันซอง ฯลฯ
