ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ลงพื้นที่ รับข้อเสนอ “จัดตั้งศาลความมั่นคง” กระทรวงครอบครัว และยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายมัจมุดีน อูมา รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมาธิการได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อพบกับกลุ่มอาชีพต่างๆ รับฟังสาเหตุของปัญหา ส่วนใหญ่ประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐ เกิดความหวาดระแวง จนนำไปสู่ความความเกลียดและแค้นกับ เหตุการณ์รุนแรง การจัดการของรัฐไม่มีประสิทธิภาพพอ จึงทำให้เหตุการณ์พัฒนาขึ้น จนทำให้คนกลุ่มหนึ่งจับอาวุธลุกขึ้นต่อสู้ และในปีนี้ยังมีกำลังติดอาวุธ 9,000 กว่าคน
นายมัจมุดีน ระบุว่า ตัวแทนของสมาคมโรงเรียนปอเนาะมีการสะท้อนปัญหาหาความยุติธรรมไม่เกิดขึ้น คุณภาพการศึกษายังไม่เกิดขึ้นในโรงเรียนรัฐ กรณีกองทุนการศึกษาที่รัฐให้กับนักเรียนที่เข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หากเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลจะให้ทุนการศึกษา แต่หากนักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียนปอเนาะจะไม่ใด้รับทุนการศึกษา ยังไม่สามารถจูงใจให้นักเรียนเข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาล ส่งผลให้เด็กนักเรียนโรงเรียนรัฐบาลลดลงต่อเนื่อง เช่นโรงเรียนทุ่งยางแดงมีเด็กทั้งโรงประมาณ 200 คน ในขณะนี้โรงเรียนปอเนาะแต่ละแห่งมีนักเรียนไม่น้อยกว่า 700 คน
“เวลาที่ข้าราชการครู ตำรวจ ทหารตาย 1 คน มีการตามจับกุมคนร้ายได้ 5-10 คน แต่เวลาโต๊ะครูตาย อุสตาสตาย รัฐไม่เคยจับคนร้ายมาลงโทษได้เลยแม้แต่คนเดียว ความยุติธรรมจะต้องเกิดขึ้นใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน ปัญหาความไม่สงบยังไม่ยุติ”
นายมัจมุดีน กล่าวอีกว่า เสียงสะท้อนจากกรรมการอิสลามที่พยายามเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเป็นเพียงเสือกระดาษ ไม่มีอำนาจและงบประมาณ รัฐต้องให้การอุดหนุน และให้สวัสดิการแก่กรรมการอิสลามบ้าง เพื่อขวัญและกำลังใจในการทำงาน และมีการเสนอให้ตั้งกระทรวงครอบครัวขึ้น เพื่อสร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง เช่นเดียวกับตัวแทนเยาวชนให้รัฐจัดให้ทุนการศึกษา ให้เยาวชนไปศึกษาในประเทศยุโรปและลาตินอเมริกา และส่งเสริมเยาวชนที่มีศักยภาพด้านกีฬา เพื่อความเป็นเลิศในด้านการกีฬา
“มีการเสนอให้ตั้งศาลคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อไว้พิจารณาคดีเกี่ยวข้องกับความั่นคงเฉพาะ โดยมีผู้พิพากษาที่นับถือศาสนาอิสลาม และให้ยกเลิกกฎอัยการศึกษา พรบ.สถานการณ์ฉุกเฉิน ให้มีการตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลที่ปัตตานีให้เป็นรูปร่าง ให้กระทรงเกษตรฯเข้ามาส่งเสริมการเกษตรอย่างจริงจังด้วย” นายมุจมุดีน กล่าวในที่สุด
นายมัจมุดีน อูมา รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมาธิการได้ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อพบกับกลุ่มอาชีพต่างๆ รับฟังสาเหตุของปัญหา ส่วนใหญ่ประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐ เกิดความหวาดระแวง จนนำไปสู่ความความเกลียดและแค้นกับ เหตุการณ์รุนแรง การจัดการของรัฐไม่มีประสิทธิภาพพอ จึงทำให้เหตุการณ์พัฒนาขึ้น จนทำให้คนกลุ่มหนึ่งจับอาวุธลุกขึ้นต่อสู้ และในปีนี้ยังมีกำลังติดอาวุธ 9,000 กว่าคน
นายมัจมุดีน ระบุว่า ตัวแทนของสมาคมโรงเรียนปอเนาะมีการสะท้อนปัญหาหาความยุติธรรมไม่เกิดขึ้น คุณภาพการศึกษายังไม่เกิดขึ้นในโรงเรียนรัฐ กรณีกองทุนการศึกษาที่รัฐให้กับนักเรียนที่เข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หากเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลจะให้ทุนการศึกษา แต่หากนักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียนปอเนาะจะไม่ใด้รับทุนการศึกษา ยังไม่สามารถจูงใจให้นักเรียนเข้าเรียนโรงเรียนรัฐบาล ส่งผลให้เด็กนักเรียนโรงเรียนรัฐบาลลดลงต่อเนื่อง เช่นโรงเรียนทุ่งยางแดงมีเด็กทั้งโรงประมาณ 200 คน ในขณะนี้โรงเรียนปอเนาะแต่ละแห่งมีนักเรียนไม่น้อยกว่า 700 คน
“เวลาที่ข้าราชการครู ตำรวจ ทหารตาย 1 คน มีการตามจับกุมคนร้ายได้ 5-10 คน แต่เวลาโต๊ะครูตาย อุสตาสตาย รัฐไม่เคยจับคนร้ายมาลงโทษได้เลยแม้แต่คนเดียว ความยุติธรรมจะต้องเกิดขึ้นใช้กฎหมาย 2 มาตรฐาน ปัญหาความไม่สงบยังไม่ยุติ”
นายมัจมุดีน กล่าวอีกว่า เสียงสะท้อนจากกรรมการอิสลามที่พยายามเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเป็นเพียงเสือกระดาษ ไม่มีอำนาจและงบประมาณ รัฐต้องให้การอุดหนุน และให้สวัสดิการแก่กรรมการอิสลามบ้าง เพื่อขวัญและกำลังใจในการทำงาน และมีการเสนอให้ตั้งกระทรวงครอบครัวขึ้น เพื่อสร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง เช่นเดียวกับตัวแทนเยาวชนให้รัฐจัดให้ทุนการศึกษา ให้เยาวชนไปศึกษาในประเทศยุโรปและลาตินอเมริกา และส่งเสริมเยาวชนที่มีศักยภาพด้านกีฬา เพื่อความเป็นเลิศในด้านการกีฬา
“มีการเสนอให้ตั้งศาลคดีความมั่นคงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อไว้พิจารณาคดีเกี่ยวข้องกับความั่นคงเฉพาะ โดยมีผู้พิพากษาที่นับถือศาสนาอิสลาม และให้ยกเลิกกฎอัยการศึกษา พรบ.สถานการณ์ฉุกเฉิน ให้มีการตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลที่ปัตตานีให้เป็นรูปร่าง ให้กระทรงเกษตรฯเข้ามาส่งเสริมการเกษตรอย่างจริงจังด้วย” นายมุจมุดีน กล่าวในที่สุด