สุราษฎร์ธานี - ชาวบ้านตำบลวัดประดู่ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี รวมตัวนำวัสดุปิดกั้นทางเข้า-ออก บ่อทิ้งขยะเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี มานาน 3 วัน หลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาอากาศเหม็น และน้ำเน่าเสีย ส่งผลให้ขยะหลายร้อยตันในตัวเมืองส่งกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่ว ทำให้ชาวบ้านผวาเชื้อโรคระบาด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่า ขณะนี้ชาวบ้านพื้นที่ ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ได้รวมตัวกันนำท่อปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่ ไปปิดกั้นบ่อทิ้งขยะของเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี จำนวนเนื้อที่ 43 ไร่ ตั้งอยู่พื้นที่หมู่ 5 บ้านพังจิก ต.วัดประดู่ อ.เมือง เพื่อไม่ให้เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี นำขยะมาทิ้งกำจัดได้ มาตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุผลว่า ไม่พอใจที่ทาง
นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีประกาศจังหวัดให้มีการจัดตั้งโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าความร้อนจากการเผาขยะ ประกอบกับไม่พอใจผู้บริหารเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ที่ต้องจะการติดตั้งเตาเผาขยะมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการมีความขัดแย้งกัน และไม่ผ่านกระบวนการทำประชาพิจารณ์ขอความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ จึงทำการปิดบ่อขยะ และเรียกร้องให้เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เปลี่ยนสถานที่ทิ้งขยะใหม่
นางกุล ผิวอ่อน อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 บ้านพังจิก ม.8 ต.วัดประดู่ กล่าวว่า ตนและครอบครัวอาศัยอยู่บริเวณนี้มานานกว่า 40 ปี หลังจากทางเทศบาลได้นำขยะมาทิ้งบริเวณนี้ตองประสบปัญหาความเดือดร้อนจากสภาพอากาศเหม็น น้ำบริเวณที่อยู่อาศัยเน่าเสีย ไม่สามารถใช้บริโภค หรือนำไปรดผักสวนครัวได้ จึงขอให้ผู้บริหารเทศบาลหาที่ทิ้งขยะใหม่ทดแทนที่เก่า
จากปัญหาดังกล่าวทำให้ขณะนี้ เจ้าหน้าที่เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ไม่นำรถออกไปจัดเก็บขยะตามจุดต่างๆ ในเขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ไปทิ้งกำจัดได้มาเป็นเวลา 3 วันแล้ว ส่งผลให้ขยะในเขตเทศบาลที่มีปริมาณวันละกว่า 130 ตัน ล้น ส่งเกลิ่นเหม็นเน่าไปทั่วเมืองสุราษฎร์ธานี ขณะที่ชาวเมืองเกรงว่า จะเกิดเชื้อโรคระบาดขึ้น